"แอพเพิล เวลธ์"คาด SET ธ.ค.นี้มีลุ้นขึ้นทดสอบ 1,750 จุดจากแรงซื้อ LTF-RMF ,งบฯบจ. Q4/60 ฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 4, 2017 11:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอพเพิล เวลธ์ เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน ธ.ค. 60 มีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,690-1,730 จุด และมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 1,750 จุดได้ จากแรงหนุนของแรงซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่คาดว่าจะมีประมาณ 3 หมื่นล้านบาท รวมทั้ง SET จะยังได้แรงหนุนจากโมเมนตัมกำไรในไตรมาสที่ 4/60 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีโอกาสฟื้นตัวเมื่อเทียบต่อไตรมาส และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มพลังงาน กลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยวและสายการบิน เป็นต้น

“กลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดสินเชื่อในไตรมาส 4 นี้มีโอกาสขยายเร็วขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยวางเป้าสินเชื่อไว้ที่ 4 %,กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มราคาน้ำมัน WTI ที่ยังทรงตัวเหนือระดับ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล , กลุ่มสินค้าบริโภคและค้าปลีกได้แรงหนุนจากมาตรการช็อปช่วยชาติ ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวและสายการบินได้แรงหนุนจากคาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ 35.5 ล้านคน และปีหน้าคาดที่ 38 ล้านคน"นายอภิชัย กล่าว

ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ให้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยเบื้องต้นผลการประชุมเมื่อวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมการหนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในการประชุมวันที่ 13 ธ.ค. นี้ ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.25 –1.50 % อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังฟื้นตัวได้ดีคาด GDP ปีนี้จะเติบโตที่ระดับ 2.4% และอัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.3%

ในส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อนั้นความเห็นของคณะกรรมการยังค่อนข้างแตกต่างกัน แต่จากดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้วัดเงินเฟ้อ ต.ค. คาดอยู่ที่ 1.4% ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2% ส่งผลให้ตลาดยังคาดการณ์เดิมคือคาดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐในปีหน้า อีก 3 ครั้ง ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) นั้นจะเริ่มปรับลดวงเงินตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ปีหน้าลงเหลือ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน ตั้งแต่ ม.ค.-ก.ย. 61 แต่หากเศรษฐกิจยูโรมีสัญญาณอ่อนตัว ECB ยังพร้อมจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ในส่วนเงินเฟ้อยูโรโซนปีหน้าคาดยังชะลอตัวที่ระดับ 1.2%

ส่วนการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกโอเปกตกลงขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตจำนวน 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปอีก 9 เดือน สิ้นสุดมาตรการในช่วงสิ้นปี 2561 โดยไนจีเรียและลิเบียจะไม่เพิ่มกำลังการผลิตในช่วงดังกล่าว และจะมีการพิจาณาทบทวนมาตรการอีกครั้งในช่วงมิ.ย. 61 หากมาตรการส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มตัวขึ้นร้อนแรงเกินไป จากข้อตกลงดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อแนวโน้มราคาน้ำน WTI ในช่วงไตรมาส 4/60 –ไตรมาส 1/61 สามารถทรงตัวเหนือระดับ 52-55 ดอลลาร์/บาร์เรล และอาจส่งผลให้ราคา Soft Commodity ปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันได้

กลยุทธ์การลงทุน หากดัชนี SET ผ่านแนวต้าน 1,730 จุด พร้อมปริมาณการซื้อขายสูงกว่า 6-7 หมื่นล้านบาท ให้เพิ่มพอร์ตโดยให้เป้าหมายแนวต้านถัดไปที่ 1,750-1,780 จุด กลับกันหากดัชนี SET หลุดแนวรับ 1,670-1,680 จุด ให้ลดพอร์ตลง เนื่องจากดัชนีฯ มีความเสี่ยงจะปรับฐานลงสู่ระดับ 1,620-1,650 จุดได้ แนะนำซื้อกลุ่มธนาคาร BBL , KBANK ,SCB , KTB , TMB / กลุ่มค้าปลีก CPALL , BJC , ROBINS / กลุ่มพลังงานปิโตรเคมี PTT,PTTEP, PTTGC ,IRPC / กลุ่มท่องเที่ยว AOT ,AAV


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ