นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ คาดการณ์แนวโน้ม SET Index ในช่วงที่เหลือของเดือนธ.ค.ปีนี้ คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบ 1,680-1,750 จุด โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเรื่องความคืบหน้าของมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงติดตามการเจรจาต่อรองปรับขึ้นเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯในช่วงกลางเดือนธ.ค. ซึ่งอาจต้องแลกด้วยการปรับลดการใช้จ่ายภาครัฐลงอีกในอนาคต หากการเจรจามีความยุ่งเหยิง จะเป็นปัจจัยกดดันต่อเนื่องต่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ต้องติดตาม การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าเฟดจะมีมติขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.00-1.25% เป็น 1.25-1.50% แต่เป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์อยู่แล้ว รวมทั้งติดตามตัวเลขภาคการผลิตทั่วโลก ซึ่งหากเริ่มชะลอลงจะเป็นปัจจัยกดดันระยะสั้นต่อ ราคาโลหะอุตสาหกรรม ราคาหุ้นกลุ่มวัฏจักร และ ดัชนีค่าระวางเรือ
อย่างไรก็ตามการปรับเพิ่มประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจของไทย ภายหลังจากที่ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/60 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจากสำนักวิจัยต่างชาติ ตลอดจนการปรับเพิ่มคำแนะนำในหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินและค้าปลีก
นายณัฐชาต กล่าวว่า อีกปัจจัยจากแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันในประเทศที่คาดว่าจะเข้ามาอีกประมาณ 20,000 ล้านบาทในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากเม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เป็นสำคัญ น่าจะเป็นปัจจัยช่วยประคับประคองตลาดได้เป็นอย่างดี