นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างฟื้นตัวขึ้นได้พอควร ทั้งนี้เมื่อวานนี้ตลาดฯมีความผันผวนอันเนื่องมาจากหุ้น GULF เข้าเทรดวันแรก แต่วันนี้คาดว่าจะมี Fund Flow บางส่วนเริ่มออกจาก GULF แล้วกลับเข้ามาซื้อหุ้นตัวอื่น ซึ่งมองว่าน่าจะมีการทำ Cover short ซึ่งทำให้ตลาดฯน่าจะฟื้นตัวได้
ทั้งนี้ ตลาดสหรัฐฯก็นิ่ง ๆ แม้ว่าราคาน้ำมันจะมีการปรับฐาน จากสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้น แต่ก็เชื่อว่าไม่มีผลต่อตลาดฯเท่าไร พร้อมให้ติดตามร่างพ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ว่าจะออกมาได้เมื่อใด ส่วนปัจจัยนอกประเทศให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในกลางเดือนนี้ ซึ่งตลาดฯก็คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่รอบนี้จะมีการรายงาน Dot Plot ด้วยก็ให้ติดตามดู
ก่อนหน้านี้ตลาดฯเข้าสู่ช่วงพักตัว แต่หลังจากนี้มองว่าตลาดฯน่าจะปรับตัวขึ้นได้แล้ว พร้อมให้แนวรับ 1,690 จุด ส่วนแนวต้าน 1,708 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 ธ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,140.91 จุด ลดลง 39.73 จุด (-0.16%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,629.27 จุด ลดลง 0.30 จุด (-0.01%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,776.38 จุด เพิ่มขึ้น 14.16 จุด (+0.21%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 140.11 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 141.34 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.37 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 10.50 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.38 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.18 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 1.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 10.68 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ธ.ค.60) 1,694.39 จุด ลดลง 3.22 จุด (-0.19%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,319.55 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 ธ.ค.60) ปิดที่ระดับ 55.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.66 ดอลลาร์ หรือ 2.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ธ.ค.60) ที่ 6.83 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.63 อ่อนค่าเล็กน้อยหลังไร้ปัจจัยใหม่ ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯพรุ่งนี้
- กกร.คาดส่งออกปีนี้ โตเกินคาด ทะลุ 9% คาดปีหน้าโต 6% จี้รัฐ ดูแลบาทแข็งค่าสูงสุดรอบ 31 เดือน ด้านสภาผู้ส่งออกระบุบาทแข็งฉุดกำไรส่งออก ต้นเหตุเศรษฐกิจฝืด โดยเฉพาะเอสเอ็มอี สวนทางส่งออกโต ขณะการลงทุนภาคเอกชนผงกหัว
- นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวได้เกิน 4% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง และพื้นฐานของไทยเข้มแข็งจากมาตรการดูแลเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลดำเนินการมา
- รัฐมนตรีคลังสหภาพยุโรป (อียู) มีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา ให้ขึ้นบัญชีดำ 17 ประเทศในรายชื่อ "เขตปกครองที่ไม่ให้ความร่วมมือด้านภาษี" เนื่องจากไม่ผ่านมาตรการความโปร่งใสและอัตราภาษีระหว่างประเทศ รวมถึงไม่ให้สัญญาปรับปรุงระบบภาษี โดยปี 2560 เป็นปีแรกที่อียูจัดทำบัญชีดำประเทศที่เป็นแหล่งหลบเลี่ยงภาษี และเปิดเผยรายชื่อประเทศเฝ้าระวังประเด็นดังกล่าวอีก 47 ชาติ ซึ่งไทยติดหนึ่งในประเทศเฝ้าระวังด้วย
- กกร.มองเศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวสูง ขณะที่ส่งออกมากกว่ากรอบประมาณการเดิมที่ตั้งไว้ คาดปีหน้าจีดีพีแตะ 4% ห่วงค่าเงินบาทแข็งเร็วกระทบการค้าระหว่างประเทศ ฉุดขีดความสามารถแข่งขัน แนะรัฐบาลดูแลเงินทุนเคลื่อนย้ายระยะสั้นที่อาจส่งผลเชิงลบ หนุนใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% จากระดับ 1-1.25% เป็น 1.25-1.5% หลังพัฒนาการของเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงที่ผ่านมาได้พิสูจน์ถึงความยั่งยืนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ผ่านพัฒนาการของตลาดแรงงาน และเครื่องชี้เศรษฐกิจทั้งด้านการบริโภคและการผลิตที่ยังคงมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่อง แม้ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมาแล้ว 2 ครั้งในปีนี้ รวมทั้งได้เริ่มกระบวนการปรับลดงบดุลในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ด้วยภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งสะท้อนจากการขยายตัวของจีดีพี ไตรมาส 3/2560 ที่ขยายตัวได้ 3.3%
*หุ้นเด่นวันนี้
- THG (บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดหมวดธุรกิจการแพทย์ โดยราคาขาย IPO 38 บาท บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาเหมาะสมปี 2561 ได้เท่ากับ 47 บาท โดยมอง THG กำลังอยู่ในช่วงของการเติบโตครั้งใหญ่ คาดกำไรสุทธิปี 2561-2563 โตเฉลี่ย 47.5% ต่อปี (CAGR) ได้รับอานิสงส์จากความต้องการบริการทางการแพทย์ที่ยังเป็นขาขึ้น แรงหนุนจากธุรกิจรับจ้างเหมาบริหารทางการแพทย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนโครงการใหม่ ๆ ที่จะทะยอยแล้วเสร็จ ซึ่งมองว่าสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดีและเป็นประโยชน์ต่อ THG ในแง่ของ Capacity ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
- COMAN (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 8.25 บาท ตั้งเป้าปี 61 รายได้โต 20% ต่อเนื่องจากปีนี้ รับปัจจัยบวกท่องเที่ยว-โรงแรมโต เดินหน้าเจรจาซื้อกิจการ 1-2 รายระบบซอฟท์แวร์เกี่ยวข้องท่องเที่ยว-ทัวร์-จองตั๋วสรุปปี 61
- IRPC (เอเอสแอล) "ซื้อ"เป้า 7.5 บาท ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 61 เติบโต 19% จากโครงการ UHV ที่เดินเครื่องเต็มกำลังผลิต รวมไปถึงการรับรู้รายได้เต็มปีจากโครงการ PPE/PPC โครงการ UHV Maximize Gas และโรงไฟฟ้า IRPC-CP (ทยอยเริ่มผลิตในช่วง 4Q60) เป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการ การเติบโตของผลประกอบการปี 61-62 มาจากการลงทุนในโครงการใหม่ ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดจากโครงการ UHV ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จบริษัทคาดว่าจะสามารถเพิ่ม Market GIM อีก 1 - 1.1 เหรียญต่อบาร์เรล
- PTTGC (ยูโอบีเคย์เฮียน) คาดกำไรสุทธิทำจุดสูงสุดในไตรมาส 4/60 และมีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า รับอานิสงส์เชิงบวกจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกรวมถึงราคาเม็ดพลาสติกที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน ถูกเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน MSCI Global Standard ในช่วงที่ผ่านมาและ คาดแรงขายจากหุ้นซื้อคืน (Treasury stock) ที่ใกล้หมดลง เป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้น