(เพิ่มเติม) "ดีโอดี ไบโอเทค"ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 110 ล้านหุ้นเข้า mai ใช้ลงทุน รง.สกัดวัตถุดิบ-ห้องแล็บ-พัฒนาสินค้าใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 7, 2017 11:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) version แรกต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.60 เพื่อเตรียมจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 110 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.83% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 0.50 บาทหุ้น ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้

บริษัทมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ด้วยเกณฑ์ Profit test โดยมี บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน วัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อลงทุนในโรงงานสกัดวัตถุดิบ และห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากล, เพื่อใช้พัฒนาตราสินค้าใหม่ของบริษัท, ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

ดีโอดีฯ มีทุนจดทะเบียน 205,000,000 บาท และมีทุนที่เรียกชำระแล้ว 150,000,000 บาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้น 0.50 บาท ซึ่งภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO จะมีทุนชำระแล้วเพิ่มเป็น 205,000,000 บาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 410,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

บริษัทประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplement Product) ที่มีส่วนประกอบหลักมาจากสารสกัดจากธรรมชาติ โดยให้บริการครบวงจร แบบ One Stop Service ตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านผลิต การคิดค้นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า การบริการจดแจ้งเลขสารบบอาหารของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า การออกแบบสินค้าและบรรจุภัณฑ์ การให้คำปรึกษาด้านการตลาดและช่วยหาช่องทางในการจัดจำหน่าย ตลอดจนการผลิตและการควบคุมการผลิตที่ได้คุณภาพ

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อความงาม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในประเทศทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นการผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้าและภายใต้ตราสินค้าที่ลูกค้ากำหนด ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทซื้อมาขายไป (Trading Company) ที่เป็นผู้รวบรวมคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายย่อยต่างๆ ที่ต้องการมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ตราสินค้าของตนเอง เช่น ดารา นักแสดง ศิลปิน หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงต่างๆ ตลอดจนคลินิคเสริมความงาม บริษัทขายตรง หรือบริษัทที่มีหน้าร้านขายสินค้าเครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพของบริษัทเอง ภายใต้ตราสินค้า “Dai a to" (ได เอโตะ) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพประเภทโปรตีน มีคุณสมบัติช่วยดูแลรูปร่าง ช่วยลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน บำรุงระบบประสาท และบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใส มีลักษณะเป็นผงชงดื่มโดยนำมาผสมน้ำ เขย่าให้เข้ากัน แล้วดื่มทดแทนมื้ออาหาร

บริษัทมีโรงงานตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอยู่เจริญ-ท่าจีน โดยมีส่วนผลิตที่เป็นระบบปิดในห้องคลีนรูม ประกอบด้วย ห้องเก็บวัตถุดิบ ห้องผสม ห้องบรรจุผลิตภัณฑ์ เช่น ห้องอัดเม็ดแคปซูล ห้องบรรจุแผงอัตโนมัติ เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทมีโรงงานสกัดวัตถุดิบ จากธรรมชาติ เช่น พริก พริกไทย มะระขี้นก เป็นต้น เพื่อผลิตสารสกัดที่ใช้เป็นวัตถุออกฤทธิ์ (Active ingredients)

บริษัทมีโครงการลงทุนในโรงงานสกัดวัตถุดิบแห่งที่ 2 บนที่ดินติดกับโรงงานเดิม เพื่อผลิตสารสกัดที่เป็นวัตถุดิบปลอดสารพิษนำมาผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพตามที่ต้องการ และมีวัตถุดิบหลากหลายในการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมทั้งช่วยลดการสั่งซื้อวัตถุดิบจากภายนอกและลดระยะเวลาจัดเก็บ อีกทั้งกระจายความเสี่ยงในการพึ่งพาวัตถุดิบ ช่วยประหยัดต้นทุน และสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านราคาในระยะยาว รวมทั้งในอนาคตยังสามารถเป็นผู้รับจ้างสกัดวัตถุดิบหรือเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบเพื่อจัดจำหน่ายต่อไปได้

นอกจากนี้ บริษัทยังต้องสร้างห้องปฏิบัติการวิจัยเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะของสารสกัด และวิเคราะห์สารออกฤทธิ์ (Active Ingredients) ที่สามารถนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และเป็นสูตรลับเฉพาะของบริษัทเท่านั้น อีกทั้งบริษัทจะขึ้นทะเบียนห้องปฏิบัติการวิจัยเพื่อให้สามารถดำเนินการตรวจสอบและออกใบรับรองให้กับสารสกัดจากโรงงานสกัดของบริษัท รวมทั้งห้องปฏิบัติการวิจัยดังกล่าวยังสามารถให้บริการเป็นผู้ตรวจสอบสารสำคัญในสารสกัดให้แก่บุคคลภายนอกได้

บริษัทประมาณการเงินลงทุนในโครงการลงทุนก่อสร้างโรงสกัด 2 และห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากลเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 100 ล้านบาท ระยะเวลาในการลงทุนประมาณปี 61

ส่วนโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เป็นตราสินค้าของบริษัทเองเพิ่มขึ้นอีก 2 ตราสินค้า คือ ตราสินค้าเพื่อตอบสนองกลุ่มผู้สูงอายุที่มุ่งเน้นการมีสุขภาพที่ดี กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักเป็นผู้ที่มีอายุประมาณ 55 ปีขึ้นไป มีภูมิลำเนาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 100 ล้านบาท ช่วงปี 61-63 และ ตราสินค้าสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรตรีผลา มีสารสำคัญที่มีคุณสมบัติช่วยดูแลสุขภาพ ฟื้นฟูระบบการทำงานของร่างกาย ช่วยให้ขับถ่ายง่าย ย่อยง่าย กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักเป็นผู้ที่มีอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป จัดจำหน่ายผ่านธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 100 ล้านบาท ในช่วงปี 61-63

ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ได้แก่ กลุ่มพรรธนประเทศ นำโดยนายล้ำพันธุ์ พรรธนประเทศ ถือหุ้นในสัดส่วน 278,400,000 หุ้น หรือคิดเป็น 92.80% หลังการเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนลงเหลือ 67.90%

ผลการดำเนินงานช่วงปี 57-59 มีรายได้รวม 169.93 ล้านบาท, 385.36 ล้านบาท และ 368.37 ล้านบาท ตามลำดับ รายได้เกือบทั้งหมดเป็นรายได้จากการขาย กำไรสุทธิ มีจำนวน 47.27 ล้านบาท 128.89 ล้านบาท และ 138.78 ล้านบาท ตามลำดับ ต้นทุนขายที่สำคัญ ประกอบด้วย ต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรงงาน และค่าใช้จ่ายการผลิตอื่นๆ อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเท่ากับ 38.10%, 47.14% และ 53.69% ส่วนอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 27.82%, 33.45% และ 37.67%

ขณะที่งวด 9 เดือนแรกของปี 60 มีรายได้รวม 292.78 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 293.66 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 115.13 ล้านบาท ลดลงจาก 123.92 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน โดย ณ วันที่ 30 ก.ย.60 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 389.58 ล้านบาท หนี้สินรวม 92.12 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 297.46 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และหักสำรองต่างๆทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ