นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า สตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้ (SHREIT) กล่าวว่า สำหรับวงเงินลงทุนครั้งแรกใน SHREIT จะมีมูลค่ารวมไม่เกิน 5,420 ล้านบาท โดยจะระดมทุนด้วยการเสนอขายหน่วยทรัสต์ มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 3,740 ล้านบาท ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ช่วงปลายเดือน ธ.ค. ทันที โดยมีราคาเสนอขายหน่วยลงทุนที่ 10 บาท/หน่วย และส่วนที่เหลือเป็นการกู้ยืมเงินไม่เกิน 1,680 ล้านบาท จากสถาบันการเงินสำหรับเข้าลงทุนในทรัพย์สินโครงการฯ ที่เข้าลงทุนครั้งแรก โดยประเมินอัตราเงินจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ประมาณ 7.67-7.72%
สำหรับการเสนอขายหน่วยลงทุน SHREIT ครั้งนี้ จะเสนอขายให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้จัดการกองทรัสต์ นักลงทุนสถาบัน ผู้ซื้อหน่วยทรัสต์เบื้องต้นในต่างประเทศ (Initial Purchaser) ผู้มีอุปการคุณของผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ ตลอดจนนักลงทุนที่สนใจซึ่งสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้จากตัวแทนจำหน่ายหน่วยทรัสต์ โดยมั่นใจว่าด้วยศักยภาพของโรงแรมทั้ง 3 แห่งที่ SHREIT เข้าลงทุนนั้น จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน
ด้านนายเจมส์ เทิค เบง ลิม กรรมการบริหาร บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ (Independent REIT Manager) ที่บริหารโดยมืออาชีพ ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญโดยตรงในการบริหารสินทรัพย์ประเภทโรงแรม ตลอดจนมีเครือข่ายทั่วโลก และมีนโยบายการลงทุนที่เป็นอิสระ สามารถเข้าลงทุนในทรัพย์สินจากผู้ขายใดก็ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ทำให้การบริหารกองทรัสต์สามารถมุ่งเน้นให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด รวมถึงสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกองทรัสต์ด้วยการแสวงหาเพื่อเพิ่มทรัพย์สินใหม่ ๆ ในอนาคต เพื่อสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจต่อไป
“ข้อดีของการเป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ ทำให้เราสามารถบริหารงานอย่างมืออาชีพได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้เราใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของทรัพย์สินที่กองทรัสต์เข้าลงทุนได้อย่างเต็มที่ และยังสามารถเปิดกว้างให้เราสามารถหาทรัพย์สินใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มขนาดกองและมุ่งแสวงหาการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมเพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่นักลงทุน"นายเจมส์ กล่าว
นายเจมส์ กล่าวว่า SHREIT จะเข้าลงทุนครั้งแรกในกรรมสิทธิ์แบบต่ออายุได้เพื่อประกอบธุรกิจโรงแรม และสิทธิการเช่าในโรงแรมระดับ 3-5 ดาวในต่างประเทศ จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย โรงแรม Pullman Jakarta Central Park ในประเทศอินโดนีเซีย และโรงแรม Capri by Fraser และโรงแรม IBIS Saigon South ในประเทศเวียดนาม โดยมีห้องพักรวมกันทั้งสิ้น 632 ห้อง
ทั้งนี้ โรงแรมทั้ง 3 แห่งที่ SHREIT เข้าลงทุนล้วนเป็นทรัพย์สินที่มีคุณภาพ ที่กระจายการลงทุนไปในโรงแรมที่มีการบริหารงานโดยมืออาชีพโดยกลุ่ม Accor Hotels และ Frasers Hospitality ตลอดจนความโดดเด่นของทรัพย์สินที่มีกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บริการหรือกลุ่มผู้เข้าพักที่แตกต่างกัน จึงมีโอกาสเติบโตที่ดีจากปัจจัยสนับสนุนของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคได้อย่างมีศักยภาพ โดยในประเทศอินโดนีเซียจะได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่เป็นชาวอินโดนีเซีย ซึ่งมีศักยภาพและมีอำนาจการใช้จ่ายสูง ตลอดจนแรงสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศอีกด้วย
ขณะที่ประเทศเวียดนามจะได้รับประโยชน์จากพลวัตทางเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งดึงดูดนักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจและลงทุนเป็นจำนวนมาก ตลอดจนการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเยือนเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ ที่บริหารโดยบุคลากรมืออาชีพซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านการเงินตลาดทุน ตลอดจนการลงทุนและซื้อขายทรัพย์สินในต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก นอกจากนี้บุคลากรของผู้จัดการกองทรัสต์มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดหาผลประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ที่กองทรัสต์เข้าลงทุน โดยปัจจัยดังกล่าวจะสามารถทำให้ผู้จัดการกองทรัสต์ทำหน้าที่บริหารจัดการกองทรัสต์เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักลงทุน
นอกจากนี้ในปี 61 บริษัทมีความสนใจที่จะลงทุนโรงแรมเพิ่มอีก 3-5 แห่ง เพื่อที่จะเข้ามาเข้ามาขยายมูลค่ากอง SHREIT เพิ่มเติม โดยมูลค่าราว 5,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงต้นปี ในประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม และกัมพูชา ในขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะเปิดกองทุนใหม่ ๆ เพิ่มเติม โดยสนใจในกลุ่มอาคารออฟฟิศให้เข่าต่างๆ แต่ต้องรอดูความเหมาะสมและโอกาสก่อน
นายชานนท์ เรืองกฤตยา กรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ตนเองมีความสนใจในธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน ซึ่งรวมถึงการบริหารกองทรัสต์ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ โดยบริษัท มีจุดเด่นคือการลงทุนในทรัพย์สินในต่างประเทศ และได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของทรัพย์สินที่บริหาร (AUM) อย่างต่อเนื่อง
บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขัน เนื่องจากมีบุคลากรที่มีคุณภาพ และ มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญทางด้านบริหารอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ รวมถึงนายเจมส์ ที่มีเครือข่ายทางธุรกิจกว้างขวางจึงสามารถเข้าถึงทรัพย์สินที่มีคุณภาพทั่วโลก นอกจากนี้ นายเจมส์ยังมีประสบการณ์ในการจัดตั้งกองทรัสต์ที่มีชื่อเสียงในสิงคโปร์ และฮ่องกง มาแล้วหลายกองอีกด้วย โดยเชื่อว่า SHREIT จะได้รับความนิยม และเป็นทางเลือกการลงทุนเพิ่มเติมสำหรับนักลงทุนต่อไป