นายชำนาญ พรพิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.พรพรหมเม็ททอล (PPM) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการปีนี้คาดจะเป็นทิศทางที่ดีเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 5 ปี หลังคาดว่าจะมีรายได้ราว 1.5 พันล้านบาท เติบโตจากระดับ 1.3 พันล้านบาทในปี 59 ซึ่งมาจากธุรกิจเดิม คือ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์โลหะเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต เนื่องจากธุรกิจวัสดุก่อสร้างเริ่มฟื้นตัวตามโครงการภาครัฐและเอกชนที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์ก็เติบโตที่ดีด้วย
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.8 พันล้านบาท โดยการเติบโตหลักจะมาจากการผลิตและจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์ ที่ปัจจุบันบริษัทใช้กำลังการผลิตเต็มที่ 200 เมกะวัตต์ (MW) และเตรียมที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 450 เมกะวัตต์ในปี 61 ด้วยงบลงทุนราว 100 ล้านบาท โดยจะเน้นการส่งออกเป็นหลัก จากปัจจุบันมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 95% ของกำลังการผลิตรวม หรือมียอดการส่งออกไม่ต่ำกว่า 100 ตู้คอนเทนเนอร์
พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมที่จะรุกธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป โดยการนำแผงโซลาร์เซลล์ไปติดตั้งให้กับโรงงานขนาดใหญ่ และขายไฟฟ้าเข้าสู่โรงงานในราคาที่มีส่วนลด ซึ่งปัจจุบันได้เจรจาอยู่หลายรายแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมที่จะลงทุนราว 30 ล้านบาทเพื่อขยายกำลังการผลิตและเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และในปีหน้าก็จะสามารถฟื้นตัวได้ตามการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศด้วย
"การเติบโตหลัก ๆ จะมาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานทดแทน ไม่ว่าจะเป็นการผลิตและจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์ และเรายังรุกไปยังการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับโรงงานโดยการเข้าไปติดตั้ง โซลาร์รูฟท็อป นอกจากนี้ธุรกิจแพกเกจจิ้งก็มีทิศทางการเติบโตที่ดีด้วย ส่วนธุรกิจวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรม และวัสดุก่อสร้าง ก็ยังมีการเติบโตได้ต่อเนื่อง เราจึงเชื่อว่าผลประกอบการจะเป็นไปตามที่บริษัทคาดได้"นายชำนาญ กล่าว
นายชำนาญ กล่าวด้วยว่า การที่บริษัทเซ็นสัญญาเอ็มโอยูกับบริษัท Pacific Star Energy จำกัด (PSE) บริษัทผู้จำหน่ายพลังงานให้กับเขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศกัมพูชา ในโครงการพลังงาน โซลาร์ PV ของ PSE เป็นจำนวน 100 เมกะวัตต์ ภายในระยะเวลา 5 ปี นอกจากนี้บริษัทยังได้ตกลงที่จะเข้าไปลงทุนใน PSE เป็นจำนวน 25% ก็จะทำให้บริษัทสามารถเพิ่มศักยภาพและต่อยอดในการลงทุนด้านพลังงานได้ในอนาคต
นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะนำ บริษัท โซลาร์ พีพีเอ็ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายในปี 62 แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไป (mai) ซึ่งยังต้องพิจารณาความเหมาะสมในช่วงใกล้จะถึงเวลาดังกล่าวก่อน