"เราไม่ได้คิดแค่การเติบโตจากธุรกิจก๊าซ LPG แต่ได้ปรับแผนธุรกิจ กระจายความเสี่ยง โดยการต่อยอดธุรกิจสู่บริษัทพลังงานครบวงจร สู่ต้นน้ำและปลายน้ำ ซึ่งทีมบริหาร ปรับแผนธุรกิจสู่เชิงรุกมากขึ้น ทุก ๆ การเติบโต เรามีเงินทุน มีโอกาส มีธุรกิจ ศักยภาพและประสบการณ์ผู้ถือหุ้นที่มาเป็นบอร์ด เช่น กลุ่มศรีวัฒนประภา ของคิงเพาเวอร์ กลุ่มวิไลลักษณ์ของสามารถ คอร์ปอเรชั่น หรือกลุ่มคุณชัชวาล เจียรวนนท์ ซึ่งเป็นภาพบวกกับ WP แสดงว่าธุรกิจน่าสนใจ และสามารถเติบโตได้ดี ผู้ถือหุ้นทุกคนล้วนมีส่วนร่วมในการผลักดันธุรกิจรวมทั้งทีมผู้บริหารทุกคนมีความตั้งใจจริง มีหน้าที่ต้องทำให้บริษัทแข็งแรง จึงสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้นได้"นางสาวชมกมล กล่าว
นางสาวชมกมล กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) สำหรับภาคยานยนต์ ภาคครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรมภายใต้แบรนด์"เวิลด์แก๊ส" ณ 30 ก.ย.60 เวิลด์แก๊สมีส่วนแบ่งตลาด 21% หรือ จำนวน 635,629 ตัน เป็นอันดับ 2 รองจาก บมจ.ปตท. (PTT) ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีรายได้หลักจากการจำหน่าย LPG เกือบ 100%
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ลดความเสี่ยงจากผลกระทบราคาน้ำมันและการลอยตัวก๊าซ LPG โดยได้วางแผนกระจายการลงทุนใน 5 สายธุรกิจใหม่ เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจ และให้บริษัทเป็นบริษัทพลังงานครบวงจร สร้างรายได้ที่เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
สำหรับ 5 ขาธุรกิจของบริษัทถือหุ้น 100% ประกอบด้วย การลงทุนในบริษัท อีเกิ้ล อินเตอร์ทรานส์ (EAGLE) ธุรกิจให้บริการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลวทางบก, บริษัท ดับบลิวพี แก๊ส จำกัด (WP GAS) ธุรกิจสถานีบริการหรือปั๊มก๊าซเวิลด์แก๊ส , บริษัท โลจิสติก เอ็นเตอร์ไพรซ์ ธุรกิจให้เช่ารถขนส่งขนาดเล็ก, บริษัท ดับบลิว พี โซลลาร์ (WP SOLLAR) และบริษัท ดับบลิวพี โซลูชั่นส์ จำกัด (WP SOLUTIONS) ธุรกิจการให้บริการที่เกี่ยวกับ LPG ตรวจสอบและซ่อมบำรุงถังก๊าซ
ปัจจุบัน สายงานธุรกิจใหม่เริ่มดำเนินการแล้ว เช่น ธุรกิจขนส่งก๊าซ LPG ทางรถบรรทุกขนาดเล็ก และมีการศึกษาการลงทุนการขนส่งทางเรือ เพื่อให้ครอบคลุมธุรกิจการส่งออก-นำเข้าก๊าซ LPG ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เริ่มส่งออก LPG ไปยังประเทศในแถบ CLMV โดยมองว่านอกจากการขาย LPG ในประเทศเป็นรายใหญ่อันดับ 2 แล้ว การส่งออกใน CLMV มีโอกาสเติบโตสูงเช่นกัน
นอกจากนี้ บริษัท ดับบลิว พี โซลลาร์ ซึ่งก่อตั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเห็นโอกาสธุรกิจที่รัฐส่งเสริมพลังงานทดแทน ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาและหาโครงการที่มีศักยภาพ ทั้งในรูปการร่วมทุน หรือการซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว หรือทุกโอกาสที่มีเข้ามาทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ปี 59 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายก๊าซ LPG จำนวน 930,000 ตัน มีรายได้จากการขาย 16,300 ล้านบาท กำไรสุทธิ 54 ล้านบาท ลดลงจากปี 58 มีรายได้ขาย 21,700 ล้านบาท กำไรสุทธิ 100 ล้านบาท อย่างไรก็ดีผลประกอบการไตรมาส 3/60 มีกำไรสุทธิ 53 ล้านบาท และงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิถึง 137 ล้านบาท
ส่วนปี 60 บริษัทมีจุดเปลี่ยนที่เป็นนัยสำคัญคือ ต้นทุนและค่าใช้จ่ายค่าเช่าคลังก๊าซที่ลดลงอย่างมาก จากการสร้างคลังก๊าซเอง ส่งผลให้ค่าเช่าปี 58 จากจำนวน 175 ล้านบาท ลดลงเหลือ 40 ล้านบาทในปี 60 ซึ่งในอนาคตบริษัทคาดว่าจะไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนค่าเช่าคลังก๊าซและการสำรองเนื้อก๊าซนี้เนื่องมาจากการการสร้างคลังก๊าซเพิ่มขึ้น