นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าวันนี้มองว่ามีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ โดยมีปัจจัยหนุนในประเทศจากแรงซื้อของกองทุน LTF และ RMF ที่ยังเป็นปัจจัยหลักที่หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวขึ้น
ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศยังคงมาจากสหรัฐฯ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ออกมาดี และส่งผลหนุนต่อตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น และส่งผลมาสู่ตลาดหุ้นอื่นทั่วโลก อีกทั้งการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้และพรุ่งนี้มองว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.25% ตามการคาดการณ์ รวมถึงร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯที่ตลาดคาดว่าจะผ่านความเห็นชอบก่อน 22 ธ.ค.นี้ ซึ่งส่งผลบวกต่อภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้น
ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดทำการแล้วในช่วงเช้านี้การเคลื่อนไหวของดัชนีมีทั้งบวกและลบในแต่ละประเทศ โดยตลาดหุ้นที่ดัชนีเป็นลบเช้านี้ ได้แก่ เกาหลีใต้ มาเลแซีย และสิงคโปร์ ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ไต้หวัน และฮ่องกง ดัชนีเป็นบวก
พร้อมให้แนวต้านที่ 1,715-1,720 จุด แนวรับ 1,700 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (11 ธ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,386.03 จุด เพิ่มขึ้น 56.87 จุด (+0.23%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,659.99 จุด เพิ่มขึ้น 8.49 จุด (+0.32%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,875.08 จุด เพิ่มขึ้น 35.00 จุด (+0.51%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 2.32 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.26 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.71 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 15.64 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.80 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 7.45 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 12.30 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.89 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ธ.ค.60) 1,706.52 จุด เพิ่มขึ้น 3.15 จุด (+0.18%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 832.36 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 ธ.ค.60) ปิดที่ระดับ 57.99 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 ธ.ค.60) ที่ 7.45 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.60 แนวโน้มแกว่งแคบตามทิศทางภูมิภาค นลท.รอติดตามผลประชุมเฟด
- ตลาดหลักทรัพย์เลื่อน แผนเปิดซื้อขายหุ้นสตาร์ทอัพผ่านไลฟ์ แพลตฟอร์มเป็นต้นปีหน้า จากเดิมกำหนดปลายปีนี้ หวังอุดความเสี่ยงก่อนเปิดระบบเทรด ประเมินความสนใจผู้ลงทุน มีทิศทางที่ดี เชื่อมีสินค้าพร้อมเทรด ด้าน ก้องเกียรติ โอภาสวงการชี้สตาร์ทอัพไทย ไม่น่าสนใจ เพราะยังไม่ได้มาตรฐาน
- คณะรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป (EU) แถลงว่า EU ตกลงจะปรับความสัมพันธ์ด้านการเมืองกับประเทศไทย และกลับเข้าสู่การติดต่อทางการเมืองกับไทยในทุกระดับเพื่อปูทางสู่การเจรจาในประเด็นสำคัญร่วมกัน เนื่องจากไทยมีการรับร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และเตรียมการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.61 ซึ่งทำให้ไทยมีความเหมาะสมที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ด้วย
- บริษัทวาณิชธนกิจรายใหญ่ ได้แก่ เจพีมอร์แกน และซิตี้กรุ๊ป คาดการณ์ว่าในปี 61 อัตราดอกเบี้ยของประเทศพัฒนาแล้วจะปรับขึ้นเป็นอย่างน้อย 1% เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยจะเป็นการปรับขึ้นในอัตราที่มากที่สุดตั้งแต่ปี 49
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เตรียมติดตามงานที่กระทรวงพาณิชย์อีกรอบ พร้อมเตรียมรายงานความคืบหน้าแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก การดูแลปากท้อง สินค้าเกษตร และแผนผลักดันส่งออกที่จะเน้นการจับมือประเทศเป้าหมายขยายการค้า การลงทุน เผยได้สั่งโละโครงการไม่ตอบโจทย์ไปแล้ว ด้านเป้าปี 61 เตรียมขอรับนโยบาย แต่มั่นใจยังบวกได้ วงในแนะจับตาปรับโฉมการทำงานทูตพาณิชย์ใหม่เน้นรวดเร็ว ฉับไว ขับเคลื่อนเหมือนเอกชน
- ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เผยสถานการณ์ค้าปลีกไตรมาสสุดท้ายของปีคึกคักมากขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการไม่มีอารมณ์การจับจ่ายมานานกว่าปี ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการบัตรสวัสดิการประชารัฐที่ทำให้เม็ดเงินถึงฐานรากช่วยกระตุ้นการจับจ่าย รวมทั้ง โครงการ “ช้อปช่วยชาติ" และโครงการ “รวมใจ เพิ่มสุข ช้อปสนุก ลดรับปีใหม่" ภาคเอกชนมีกิจกรรมส่งเสริมการขายยาวถึงมกราคม ปีหน้าทำให้เงินหมุนเวียนเข้าระบบมากขึ้นจะส่งผลให้ภาพรวมดัชนีค้าปลีกปี 60 เติบโต 3.2-3.4%
*หุ้นเด่นวันนี้
- INTUCH (กสิกรไทย) แนะนำ"ซื้อ"เป้าหมาย 55 บาท มองราคาหุ้นขณะนี้ซื้อขายด้วย discount to NAV ที่ 22% เทียบกับระดับเฉลี่ยที่ 18% ตลาดมีปฏิกิริยากับปัจจัยลบของ THCOM มากเกินไปเนื่องจากคิดเป็นที่น้อยกว่า 3% ของมูลค่ารวม นอกจากนี้ อัตราตอบแทนของ INTUCH อยู่ที่ 5% ซึ่งมากกว่าของ ADVANC ที่อยู่ที่ 4% และจากความไม่ชัดเจนเรื่องการประมูลทำให้ INTUCH น่าสนใจกว่า เราเลือก INTUCH และ TRUE เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม
- TK (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ"ซื้อ"เป้า 19.50 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นจากถือเป็นซื้อ คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/60 จะออกมาดีสุดในรอบ 19 ไตรมาส ที่ 171 ลบ. +29% Q-Q, +18% Y-Y เพราะเป็นฤดูเก็บเกี่ยวและจับจ่ายใช้สอย แถมได้แรงหนุนจากยอดจองรถงานมอเตอร์เอกซ์โปที่คาด +20% Y-Y ลงทุนยังเป็นบวกจากการเข้าซื้อของผู้บริหาร 1.3 ล้านหุ้นที่ราคา 23 บาทด้วย
- SQ (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) แนะนำ"ซื้อ"เป้า 7.25 บาท แม้ว่าจะพลาดโครงการแม่เมาะ 9 ในอนาคตยังมีโครงการต่างๆ คือ แม่เหมืองเมาะ 10 โครงการเหมืองหงสา และโครงการเหมืองแร่ต่างๆในไทย เมียนมา ลาว เวียดนาม และกัมพูชา ให้ประมูลอีกหลายโครงการ อีกทั้งมีงานในมือสูงถึง 3.6 หมื่นล้านบาท รองรับรายได้ถึง 9-10 ปี และราคาหุ้นปรับลดลงแรงจนมีอัพไซด์ 33% เพิ่มเกรดเป็น ซื้อ จาก ถือ เทคนิคเล่นเก็งกำไรรีบาวน์
-BBL (กรุงศรี) แนะนำ"ซื้อ"เป้า 220 บาท มองเป็นหุ้น Top Pick ในหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ เนื่องจากมีฐานลูกค้ากว่า 62% เป็นลูกค้ารายใหญ่และ SME จึงได้ผลบวกมากที่สุดเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวโดยเฉพาะจากภาคส่งออกและ SME ขณะที่ราคาซื้อขายในปัจจุบัน มี P/E ที่ 11.8 และ P/BV ที่ 0.99 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม ที่ 12.3 และ 1.3 เท่าตามลำดับ นอกจากนี้ยังให้ Div yield อีก 3.2%