(เพิ่มเติม) PTT-CAT จับมือพัฒนาธุรกิจ S-Curve และนวัตกรรมดิจิทัลหนุนนโยบาย“ไทยแลนด์ 4.0"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 12, 2017 12:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เป็นประธานลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือวางแผนพัฒนาธุรกิจ S-Curve และนวัตกรรมดิจิทัลกับ บมจ. กสท โทรคมนาคม (CAT) ในเช้าวันนี้

โครงการความร่วมมือพัฒนาธุรกิจ S-Curve และนวัตกรรมดิจิทัล ระหว่าง 2 รัฐวิสาหกิจไทยในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือครั้งสำคัญเพื่อร่วมกันต่อยอดอุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ หรือ First S-Curve และการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ หรือ New S-Curve ภายใต้ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของภาครัฐ เพิ่มศักยภาพทางการค้าและการแข่งขันให้กับประเทศด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม จากความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของบุคลากรทั้ง 2 หน่วยงาน

ปตท. และ CAT จะร่วมกันสนับสนุนข้อมูล ส่งเสริมการเรียนรู้ระหว่างกันเพื่อบรรลุข้อตกลงร่วมกัน จะสร้างความเชื่อมั่นและความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในด้านการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมดิจิทัลได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงเพิ่มโอกาสการเชิญชวนนักลงทุนที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจในอนาคต และเกิดผลประโยชน์ที่แท้จริงกับประเทศสืบต่อไป

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและบริหารความยั่งยืน PTT เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นความตั้งใจของ ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติและรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน เพื่อร่วมผลักดันนโยบาย“ไทยแลนด์ 4.0"ของภาครัฐให้เห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดย ปตท.จะใช้ประสบการณ์และความชำนาญภายในองค์กร พัฒนาและผลักดันเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้านพลังงาน โรโบติกส์ ออโต้เมชั่น และระบบอัจฉริยะ รวมถึงบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคและสาธารณูปการต่างๆ ทั้งระบบบริหารจัดการพลังงาน น้ำ และของเสีย ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องด้วย

พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ CAT เปิดเผยว่า ความร่วมมือกับ ปตท. จะเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0" โดยการลงนาม MOU ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์มุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี S-Curve และอื่นๆที่เกี่ยวข้องร่วมกัน ซึ่งจะเกิดเป็นอุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

จากความร่วมมือ MOU ครั้งนี้ CAT จะดำเนินการออกแบบพัฒนาและบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานร่วมกันกับ ปตท. และบริษัทกลุ่ม ปตท.ในทุกมิติ อาทิ การเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งในและระหว่างประเทศ ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และระบบรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ (Connectivity) และการเชื่อมโยงอุปกรณ์เครือข่ายในยุคดิจิทัล (IoT Platform) รองรับบริการอัจฉริยะในยุค 4.0

โดยความร่วมมือดังกล่าวมุ่งขยายขีดความสามารถ CAT และ ปตท. ในการให้บริการแก่ประชาชน สนับสนุนให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกได้สูงยิ่งขึ้น รวมทั้งลดภาระการลงทุนซ้ำซ้อนในระยะยาว จากการนำทรัพยากรและความรู้ความสามารถของบุคลากรของทั้งสององค์กรมาใช้ให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุด

พ.อ.สรรพชัย กล่าวว่า ปตท.และ CAT จะร่วมกันจัดตั้งคณะทำงานร่วม เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายและทิศทางการดำเนินการต่าง ๆ ภายใต้วัตถุประสงค์ของบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้ โดยสนับสนุนข้อมูล การดำเนินการ ร่วมกันสร้างให้เกิดความเชื่อมั่นและการสนับสนุนเกื้อกูลจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง แลกเปลี่ยนเรียนรู้ แบ่งปันประสบการณ์ แนวโน้มและทิศทางการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมตลอดห่วงโซ่มูลค่า (Value Chain) รวมทั้งการพัฒนาทรัพยากรบุคคล และทรัพยากรอื่น ๆ รวมถึงการชักชวนนักลงทุนที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน เพื่อต่อยอดและขยายการดำเนินงานในเชิงพาณิชย์ต่อไป

สำหรับความร่วมมือกันจะแบ่งการดำเนินออกเป็นหลายระยะ เบื้องต้นมีกรอบระยะเวลาทำงาน 3 เดือน โดยระยะแรกจะเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้งานร่วมกัน ส่วนระยะถัดไปก็จะมองโอกาสการทำงานร่วมกัน หรือบูรณาการธุรกิจร่วมกันตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเบื้องต้นเห็นว่า ปตท.มีศักยภาพในเรื่องของพลังงานไฟฟ้า ขณะที่ CAT มีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่บริเวณอุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (DIGITAL PARK THAILAND:EECd) ซึ่งมีพื้นที่กว่า 600 ไร่ โดยมุ่งหวังให้ EECd เป็น Global Digital Hub ของภูมิภาค เป็นศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ (International Exchange Gateway) ศูนย์ข้อมูลของประเทศ (Data Center Hub) ตลอดจนศูนย์รับส่งสัญญาณดาวเทียมและอวกาศ (Satellite and Space Center) ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าค่อนข้างมาก ขณะที่การซื้อไฟฟ้าจากการไฟฟ้าอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ

ขณะที่ ปตท.ซึ่งมีองค์ความรู้ด้านพลังงานไฟฟ้า และมีพื้นที่ที่จะพัฒนาเขตนวัตกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ในพื้นที่วังจันทร์วัลเล่ย์ จ.ระยอง ก็อาจจะสามารถให้ความช่วยเหลือในส่วนนี้ได้ โดยอาจจะมีการพัฒนาไฟฟ้าพลังงานสะอาด ประเภทโซลาร์ฟาร์ม จากพื้นที่ EECi ซึ่งอยู่ใกล้เคียง มาเชื่อมโยงกับพื้นที่ EECd

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนถึงความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าดังกล่าว เนื่องจากยังต้องรอให้ร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก มีผลบังคับใช้ก่อน จึงจะสามารถนำไปหารือกับลูกค้าที่สนใจจะใช้พื้นที่ EECd ในการดำเนินการได้ต่อไป

ด้านนายเทวินทร์ กล่าวว่า การที่จะจัดตั้งเป็นศูนย์ดิจิทัลนั้นจะต้องใช้พลังงานจำนวนมหาศาล ซึ่ง ปตท.ก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อน New S-Curve เพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต โดย ปตท.ได้ดำเนินการใน 3 เรื่อง ได้แก่ Industrial Solution ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อมาให้บริการในอุตสาหกรรม ซึ่งที่ผ่านมา ปตท.ได้นำเอาเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาใช้ในระบบท่อ และในโรงงานอุตสาหกรรมของกลุ่มปตท.บ้างแล้ว, Energy Solution ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่ด้านพลังงานมาใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันกลุ่ม ปตท. มีแผนที่จะดำเนินการทำระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) และมีแผนจะลงนามบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น (MOU) กับบริษัทชั้นนำของไทย ในขั้นตอนศึกษาธุรกิจแบตเตอรี่ คาดจะมึความชัดเจนใน 3-6 เดือน

Bio-based Industry ซึ่งเป็นงานเกี่ยวกับไบโอเคมิคอล เชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อต่อยอดเป็นไบโอพลาสติก ซึ่งทั้ง 3 เรื่อง ในหลาย ๆ ส่วนปตท.ได้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว หลังจากนี้ก็จะหารือความเชื่อมโยงกับพื้นที่ทั้งในส่วนของ EECi และ EECd เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศต่อไป

นายเทวินทร์ ยังกล่าวด้วยว่า ในเร็ว ๆ นี้ ปตท.จะลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในการใช้พื้นที่ EECi ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเริ่มออกแบบการใช้พื้นที่ และเชิญชวนสถาบันวิจัยต่าง ๆ เข้ามาร่วมดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ