(เพิ่มเติม) "ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์"เคาะราคาขาย IPO ที่ 2.30 บาท เปิดจอง 13-15 ธ.ค.เข้าเทรด 20 ธ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 12, 2017 14:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ (CPT) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 270 ล้านหุ้นที่หุ้นละ 2.30 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อในวันที่ 13-15 ธ.ค. และนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 20 ธ.ค.นี้

นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ CPT กล่าวว่า การกำหนดราคาขาย IPO ที่ราคาหุ้นละ 2.30 บาท สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ CPT ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและโอกาสการเติบโตที่ดีในอนาคตตามการขยายตัวด้านเศรษฐกิจของประเทศ

สำหรับราคา IPO ที่ 2.30 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ประมาณ 14.12 เท่า โดยคำนวณมาจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (ไตรมาสที่ 4 ของปี 2559 – ไตรมาสที่ 3 ของปี 2560) ซึ่งกำไรสุทธิเท่ากับ 146.60 ล้านบาท หรือเท่ากับ 0.16 บาทต่อหุ้น โดย P/E Ratio คิดเป็นอัตราส่วนลดประมาณร้อยละ 36.18 จาก P/E ของหลักทรัพย์ที่อยู่ในหมวดธุรกิจวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักรในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เฉลี่ยช่วงระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย.60 ถึงวันที่ 6 ธ.ค.60 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 22.12 เท่า

CPT เป็นผู้ให้บริการระบบไฟฟ้ากำลังสำหรับควบคุมเครื่องจักร ครอบคลุมถึงการจำหน่ายอุปกรณ์และระบบควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการติดตั้งและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย แบ่งธุรกิจเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจขายตู้ไฟฟ้า (Panel) มี 2 ประเภท ได้แก่ ตู้ไฟฟ้าระบบควบคุมเครื่องจักร และตู้ไฟฟ้าแรงดันต่ำและแรงดันปานกลาง 2.ธุรกิจการขายสินค้าสำเร็จรูปประเภทหน่วย (Unit) โดยบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าสำเร็จรูปประเภทอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์ควบคุม เช่น ตัวปรับความเร็วมอเตอร์กระแสสลับแรงดันต่ำและแรงดันปานกลาง (LV&MV Inverter) และอุปกรณ์ควบคุมอัตโนมัติ (PLC)

3.ธุรกิจให้บริการรับเหมาและติดตั้งสายไฟ (Cable Installation) และการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย (Substation) ขนาดความดัน 69-115 KV. ซึ่งบริษัทเป็นผู้ออกแบบและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยแบบ Turnkey Project รวมถึงเป็นผู้ออกแบบและประกอบตู้ควบคุมไฟฟ้าพร้อมระบบเพื่อป้องกันความผิดพลาด(Protective Relays) การแสดงผล/ ควบคุมและการวิเคราะห์ (SCADA) ผ่านระบบใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) รวมถึงให้บริการวางรากฐาน ติดตั้งสายไฟสำหรับงานประกอบตู้ไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปและสถานีไฟฟ้าย่อย และ 4.ธุรกิจจากการให้บริการและซ่อมแซม

CPT มีทุนจดทะเบียน 450 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 900 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น โดยมีทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว 315 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 270 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.ลงทุนซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่และซื้อเครื่องจักรเพื่อการผลิตตู้ไฟชนิดไม่มีโครงสร้าง Metal Clad Switchgear (MSCG) และการประกอบ Ring Main Unit (RMU) ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันที่ดีขึ้น 2.ใช้เพื่อการขยายตลาดต่างประเทศ และ 3.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

นายสมศักดิ์ หลิมประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ CPT กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ของทีมผู้บริหารที่อยู่ในธุรกิจมานานกว่า 30 ปี จึงมีความเชี่ยวชาญในด้านความหลากหลายของระบบควบคุมเครื่องจักรและระบบไฟฟ้า เพื่อการออกแบบ ผลิตตู้ไฟฟ้าของระบบควบคุมและไฟฟ้ากำลังที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตให้แก่ลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ภายใต้หลักการบริหารจัดการที่ดีจากฐานการผลิตของโรงงานตนเอง ส่งผลให้สามารถควบคุมต้นทุน คุณภาพ และระยะเวลาในการผลิตได้เป็นอย่างดี เพื่อให้ส่งมอบสินค้าได้ตรงต่อเวลา ช่วยสร้างความพึงพอใจและความไว้วางใจจากลูกค้าภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปีนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายและการบริการ 763.45 ล้านบาท ลดลง 2.95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการควบคุมต้นทุนที่ดีและลดค่าใช้จ่าย จึงทำให้มีกำไรสุทธิ 85.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 64.50% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“เรามีวิสัยทัศน์เป็นผู้นำด้านการผลิตตู้ไฟฟ้า ระบบควบคุมเครื่องจักรและระบบไฟฟ้า ที่มุ่งเน้นการแข่งขันได้ทั้งราคา คุณภาพ การบริการ และเทคโนโลยี เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า พร้อมมีแผนขยายการลงทุนเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รองรับการรุกขยายฐานลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและแถบภูมิภาคอาเซียน" นายสมศักดิ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ