บมจ.ดู เดย์ ดรีม (DDD) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 76 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 53 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อในช่วงวันที่ 14-15 ธ.ค. และ 18 ธ.ค. คาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ภายใต้หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ส่วนตัว และเวชภัณฑ์ ในวันที่ 26 ธ.ค.60 มี บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
พร้อมทั้งแต่งตั้ง บล.บัวหลวง เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และแต่งตั้ง บล.ฟินันเซียไซรัส , บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) , บล.ไทยพาณิชย์ และ บล.ธนชาต เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายสำหรับหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกหรือไอพีโอของบริษัทฯ
DDD เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิวภายใต้เครื่องหมายการค้า NAMU LIFE โดยมีชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ “SNAILWHITE" และหนึ่งในผู้นำในตลาดสกินแคร์ของไทย
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทจะนำไปขยายกำลังการผลิตของโรงงานที่ จ.อยุธยา เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว เป็น 4 ล้านลิตร/ปี จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 1.9 ล้านลิตร/ปี จะเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายปี 61 คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 62
อีกส่วนหนึ่งจะนำไปใช้ในการสนับสนุนงานด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ราว 60 ล้านบาท และนำไปใช้สำหรับการขยายตลาดและขยายสาขา เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ซึ่งบริษัทจะเน้นการขยายตลาดในต่างประเทศมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนยอดขายต่างประเทศเพิ่มเป็น 50% ในช่วง 5 ปี (ปี 60-64) จากปัจจุบันอยู่ที่ 35% ขณะที่ 65% เป็นยอดขายในประเทศ
นายสราวุฒิ พรพัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DDD กล่าวว่า บริษัทมีแผนการขยายการเติบโตของธุรกิจในอนาคตทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและ กลยุทธ์ทางการตลาดที่เฉียบคม โดยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าของบริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดสกินแคร์บนช่องทางโมเดิร์นเทรด
สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปี 60 บริษัทฯ ยังคงรักษาอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยรายได้รวม 1,263.6 ล้านบาท เทียบกับ 986.4 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 27.6% โดยรายได้จากการขายในต่างประเทศอยู่ที่ 457.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 115.9 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 59
ขณะเดียวกัน กำไรสุทธิอยู่ที่ 253.5 ล้านบาทลดลงเล็กน้อยจาก 278.8 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการขายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ถึง 8 ผลิตภัณฑ์ด้วยกัน ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 5เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพียงแค่ 1 ผลิตภัณฑ์เท่านั้น ในปีนี้จึงจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการโฆษณาและส่งเสริมการขายมากขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้ต่อผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ
อีกทั้งยังมีการยกยอดงบประมาณในการโฆษณาและส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำที่บริษัทฯ เปิดตัวไปเมื่อเดือน ต.ค.59 มาใช้ในปี 60 ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายของปีนี้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การเติบโตในอนาคตของบริษัทฯ ยังมีแนวโน้มที่ดีจากรายได้ของผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำที่ได้รับผลตอบรับอย่างดีเยี่ยมที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัทได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จาก 0.8% ในปี 59 สู่ 7.4% ในปัจจุบัน