นายณวรรธน์ ตริยพงศ์พัฒนา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูบิส (เอเชีย) (UBIS) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% โดยการเติบโตส่วนใหญ่ยังจะมาจากยอดขายต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 60% และมีรายได้จากในประเทศ 40% เนื่องจากบริษัทประเมินว่าตลาดต่างประเทศจะกลับมาดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลให้กำลังซื้อดีขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทยังมีลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มเติมจากตะวันออกกลางและแถบอเมริกาใต้
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมปรับเปลี่ยนการรับชำระเงินของลูกค้าให้เป็นสกุลเงินที่มีความเหมาะสม และไม่ผันผวนมาก อาทิในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯได้จำหน่ายสินค้าเป็นสกุลเงินหยวน และอยู่ระหว่างพิจารณาที่จะจำหน่ายสินค้าเป็นดอลลาร์ออสเตรเลียแทนสกุลดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยลดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นเหมือนในช่วงที่ผ่านมา
นายณวรรธน์ กล่าวว่า ปัจจุบันค่าเงินบาทแข็งค่ามาอยู่ที่ 32.00 บาท/ดอลลาร์ จากต้นปีที่ประเมินไว้ที่ 35.00 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้ยอดขายของบริษัทปรับตัวลดลง 4% จากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนปีหน้าบริษัทประเมินไว้ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าต่อไปที่ 30.00-31.00 บาท/ดอลลาร์
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นปี 61 จะรักษาให้ใกล้เคียงจากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34-35% หลังจาก 9 เดือนแรกอยู่ที่ 35.57% หากราคาวัตถุดิบไม่ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นยางหรือน้ำมัน
ทิศทางผลประกอบการปีนี้ มองว่าจะมีผลขาดทุนหลังบริษัทตั้งสำรองมูลค่า 320 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรกกรณีขายหุ้นบริษัท แฟมิลี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (แฟมิลี่) สัดส่วน 40% คืนให้แก่ บริษัท อาร์เอฟวิชั่น จำกัด และผู้ค้ำประกัน แต่ไม่ได้รับเงิน ขณะที่บริษัทปรับลดคาดการณ์รายได้ปีนี้ลงเหลือเพียงใกล้เคียงกับปีก่อน จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 10% เนิ่องจากเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวช้า ประกอบกับยอดขายในจีนชะลอตัวลง จากการที่หลายบริษัทในจีนอยู่ระหว่างการควบรวมกิจการ
"ทิศทางผลประกอบการจะไม่ดีเท่าไหร่ในปีนี้ แต่ในปีหน้าเราเชื่อว่าผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ และการขยายตลาดใหม่ๆเพิ่มเติม ซึ่งปีหน้าเราก็ยังหวังที่รายได้จะขึ้นไปแตะระดับ 1,000 ล้านบาทอยู่ เราก็พยายามเต็มที่อยู่แล้ว"นายณวรรธน์ กล่าว