นายวิจิตร เตชะเกษม ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯได้อนุมัติให้บริษัท ไฮ เฮลธ์แคร์ เซ็นเตอร์ จำกัด (HHC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเพื่อเข้าซื้อสิทธิแฟรนไชส์จาก บริษัท วุฒิศักดิ์ เซ็นเตอร์ คลีนิก อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (WCIG) ในวงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งงบลงทุนอีกไม่เกิน 200 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสาขาใหม่หรือซื้อสิทธิการบริหารสาขาเดิมในโซนภาคตะวันออก ซึ่ง HHC สามารถขยายสาขาและซื้อสิทธิการบริหารสาขาได้ไม่เกิน 25 สาขา ขณะที่วางเป้าหมายรายได้ราว 250 ล้านบาทในปี 61
“เริ่มแรกเราจะเข้าไปเลือกสาขาที่มีความพร้อมและเหมาะสม เพื่อที่จะเข้าบริหารสิทธิเพื่อให้มีผลตอบแทนเข้ามาทันทีในปีแรก โดยเราจะนำความรู้ความสามารถทางด้านการแพทย์เข้าไปพัฒนาให้สาขาต่างๆให้มีความแตกต่างที่มากขึ้น"นายวิจิตร กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งงบลงทุนสำหรับ 5 ปี (61-65) ไว้ราว 500-750 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนศูนย์ฟอกไตเทียม ภายใต้บริษัทย่อย คือ บริษัท เคที เมดิคอล เซอร์วิส จำกัด (KTMS) โดยมีแผนจะเพิ่มเครื่องฟอกไตเป็น 500 เครื่อง จากปัจจุบันอยู่ที่ 42 เครื่อง ซึ่งมีอัตราการใช้งานไม่ต่ำกว่า 70-75% ธุรกิจดังกล่าวมีอัตรากำไรสุทธิ 4.5% สูงกว่าธุรกิจเดิมของบริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิเพียง 3-4% พร้อมคาดมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาทในปี 65 จากปีนี้ที่มีรายได้ 25 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯจะเน้นการขยายสาขาของคลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมไตเทียม และการเข้าบริหารศูนย์ไตเทียมในโรงพยาบาลรัฐต่างๆ นอกจากนี้บริษัทฯจะมีการเข้าไปรับบริหารศูนย์ไตเทียมใน CLMV โดยจะเริ่มจาก สปป.ลาว ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเซ็นสัญญากับพันธมิตร และจะสามารถเริ่มเข้าดำเนินการในปี 61 ทันที
สำหรับเงินลงทุนดังกล่าวจะมาจากการกู้จากสถาบันทางการเงินเป็นส่วนใหญ่ โดยบริษัทฯตั้งเป้าที่จะรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ให้ไม่เกิน 1.5 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.03 เท่า
ทั้งนี้ ด้วยแผนการเติบโตที่มีอย่างต่อเนื่องของ KTMS บริษัทฯจึงมีแผนที่จะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในปี 63 หรือเมื่อมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท
หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเรียบร้อยแล้ว บริษัทได้ปรับเพิ่มเป้ารายได้รวมในปี 61 ขึ้นเป็น 900 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่ารายได้จะเติบโตเพียง 15-20% โดยจะเป็นการเติบโตหลักมาจากธุรกิจการแพทย์และความงาม เป็นหลัก ขณะที่ธุรกิจอื่นๆที่อยู่ในกลุ่ม B1 (ธุรกิจอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการด้านระบบน้ำ) และธุรกิจ B2 (ธุรกิจเพื่อการพาณิชย์และที่พักอาศัย) รวมถึงธุรกิจ B3 (ธุรกิจบริการทางการแพทย์) ก็มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง