ที่ปรึกษา DTAC แนะปรับลดราคาตั้งต้นประมูลคลื่นรอบใหม่พร้อมยกเลิกกฎ N-1 ห่วงเอกชนเมิน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 15, 2017 13:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนฤพนธ์ รัตนสมาหาร ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานรัฐกิจสัมพันธ์ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) กล่าวว่า จากการวิเคราะห์การประมูลคลื่นความถี่ในไทยในรอบใหม่นี้โดย NERA Economic Consulting ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของ DTAC ในการให้คำแนะนำการประมูลคลื่นความถี่รอบนี้ ของ DTAC ระบุว่าการกำหนดหลักเกณฑ์การประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz และ 1800 MHz ที่กำหนดราคาตั้งต้น (Reserve Price) โดยใช้ราคาชนะประมูลของปี 58 สูงเกินไป เพราะราคาในครั้งนั้นเป็นช่วงที่ไม่ปกติ เพราะมีผู้เข้าประมูลรายใหม่ คือ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) เข้ามาแข่งขันจนราคาขึ้นมาสูงจนในที่สุดก็ไม่สามารถชำระค่าคลื่นได้ และ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ เอไอเอส และบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ยอมจ่ายค่าประมูลในราคาสูง เพราะอยู่ในช่วงที่สัญญาสัมปทานใกล้หมดอายุจึงจำเป็นต้องการคลื่นความถี่

"ในการตั้งราคาประมูลสูง มีโอกาสที่เอไอเอส ทรู ไม่เข้าร่วมก็เป็นไปได้ และก็ยิ่งทำให้คลื่นที่ออกประมูลน้อยลง (จากกฎ N-1) จากที่ไทยมีคลื่นที่ใช้อยู่น้อยอยู่แล้ว ที่มี 320 MHz จะส่งผล Network Quality" นายนฤพนธ์ กล่าว

นายฮานส์ อีลเล ที่ปรึกษาอาวุโส NERA Economic Consulting ได้แสดงความเป็นห่วงต่อการประมูลคลื่นความถี่ของ กสทช.ครั้งนี้ใน 2 ประเด็น ได้แก่ การกำหนดราคาตั้งต้นที่สูงเป็นพิเศษ โดยอ้างอิงราคาประมูลสูงสุดในปี 58 ซึ่งเป็นราคาที่สูงโดยราคาประมูลคลื่น 900 MHz สูงกว่าราคาเฉลี่ยในตลาดถึง 6 เท่า ที่มีราคาเฉลี่ย 5 พันล้านบาทต่อคลื่น 5 MHz และคลื่น 1800 MHz ที่ราคาสูงกว่า 3 เท่าของราคาตลาดที่มีราคาเฉลี่ย 8 พันล้านบาทต่อ 15 MHz ก็มีความเสี่ยงที่อาจจะขายคลื่นไม่หมด และกระทบกับการลงทุน เพราะหากงบการลงทุนใช้ไปในการจ่ายค่าประมูลไป 70-80% แล้วก็จะเหลืองบลงทุนจริงเพียง 20-30% หรือชะลอการลงทุน โดยราคาตั้งต้นการประมูลที่สูงไม่ทำให้เกิดแรงจูงใจในการเข้าประมูล และจะส่งผลเสียต่อผู้บริโภค โดยจะทำให้คุณภาพโครงข่ายต่ำลง และค่าบริการสูงขึ้น

ส่วนอีกประเด็นคือ กฎ N-1 ที่ต้องมีผู้เข้าประมูลมากกว่าจำนวนใบอนุญาต กรณีที่มีผู้เข้าร่วมประมูลน้อยราย จะไม่นำคลื่นความถี่ออกมาประมูลนั้น จะยิ่งทำให้จำนวนคลื่นความถี่ที่ใช้ในประเทศไทยน้อยกว่าประเทศอื่น โดยปัจจุบันมีจำนวน 320 MHz ก็มีจำนวนต่ำจะส่งผลต่อคุณภาพโครงข่ายที่ความเร็ว (speed) ของการใช้งานดาต้าลดลง หากไม่เปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ย่อมเกิดผลเสีย เพราะไทยมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ 3 ราย กสทช.ควรจะวางหลักเกณฑ์ให้ดึงดูดผู้เข้าร่วมประมูล

นายอีลเล เสนอให้ กสทช.ยกเลิกกฎ N-1 เพราะเป็นเกณฑ์ที่ไม่เหมาะสม และให้เปลี่ยนการกำหนดราคาตั้งต้นการประมูลใหม่ที่เหมาะสมและให้ราคาเป็นไปตามการประมูลที่จะกำหนดความต้องการคลื่น นอกจากนี้เสนอให้มีการจัดทำแผนงานการใช้คลื่นความถี่ นำออกมาประมูล ได้แก่คลื่น 2600 MHz 2300 MHz เป็นต้น

ทั้งนี้ NERA จะเข้าร่วมการประชุมรับฟังแสดงความคิดเห็นต่อร้างหลักเกณฑ์คลื่นความถี่ 900 MHz ละ 1800 MHz ในวันจันทร์ที่ 18 ธ.ค.นี้

ขณะที่นายนฤพนธ์ กล่าวว่า DTAC จะเข้าร่วมและเสนอความคิดเห็นด้วย และในการประมูลรอบนี้ DTAC เป็นผู้มีส่วนได้-เสียชัดเจน

อนึ่ง สาระสำคัญของร่างหลักเกณฑ์การประมูลได้กำหนดให้มีการประมูลคลื่น 900 MHz ขนาด 5 MHz จำนวน 1 ใบอนุญาต โดยกำหนดราคาเริ่มต้น 37,988 ล้านบาท ระยะเวลาใบอนุญาต 15 ปี ส่วนคลื่น 1800 MHz จะนำมาประมูล 45 MHz จำนวน 3 ใบอนุญาต ใบอนุญาตละ 15 MHz ราคาเริ่มต้นที่ 37,457 ล้านบาท ระยะเวลาใบอนุญาต 15 ปี

สำหรับหลักเกณฑ์ในการประมูลคลื่น 1800 MHz การเคาะราคาจะต้องมีจำนวนผู้เข้าประมูลมากกว่าจำนวนใบอนุญาต ผู้ชนะคือผู้ให้ราคาสูงสุดเมื่อสิ้นสุดการเคาะราคา คลื่น1800 เมกกะเฮิรตซ์ มี 3 ชุดคลื่นความถี่ หากมีผู้เข้าประมูล 3 รายจะมีการเคาะราคา 2 ใบอนุญาต หากมีผู้เข้าประมูล 2 รายจะมีการเคาะราคา อ1 ใบอนุญาต และหากมีผู้เข้าประมูล 1 รายจะขยายเวลาการประมูลออกไป 30 วันจนกว่าจะมีผู้เข้าประมูลเพิ่มขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ