บมจ.การบินไทย (THAI) ลงนามในสัญญาความร่วมมือกับ บริษัท แอร์บัส ประเมินโอกาสทางธุรกิจในโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา เพื่อเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงอากาศยานระดับโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยสัญญาความร่วมมือดังกล่าวจะนำไปสู่การจัดทำสัญญาทางธุรกิจร่วมกันต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการกำหนดขอบเขตในการหารือและวิเคราะห์เพื่อประเมินโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งในระยะแรกกำหนดไว้ 7 กิจกรรม ได้แก่ การจัดตั้งธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยานที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ซึ่งครอบคลุมถึงการซ่อมใหญ่อากาศยาน การซ่อมบำรุงอากาศยานระดับลานจอด และการพ่นสีอากาศยาน, การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมช่างซ่อมบำรุงอากาศยาน โดยร่วมมือกับสถาบันการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ภายใต้การสนับนุนของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงการจัดตั้งโรงซ่อมชิ้นส่วนวัสดุอากาศยานแบบผสม หรือ Aircraft Composite Repair Shop, การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการซ่อมบำรุงอากาศยานเพื่อให้เป็นโรงซ่อมอากาศยานอัจฉริยะ (Smart Hanger), การจัดตั้งคลังอะไหล่และศูนย์โลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนการซ่อมอากาศยาน, การออกแบบและก่อสร้างอาคารและศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานฝให้เหมาะสม และการจัดตั้งโรงซ่อมบริภัณฑ์เพื่อสนับนุนการซ่มบำรุงอากาศยานระดับลานจอด
นอกจากนั้น ยังจะจัดตั้งคณะกรรมการร่วมกันระหว่าง THAI และแอร์บัส เพื่อเจรจา ศึกษา วิเคราะห์ ประเมิน และตัดสินใจในการทำธุรกิจร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม หากการประเมินโอกาสทางธุรกิจในกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งบรรลุผลร่วมกันก็จะสามารถนำไปสู่การทำสัญญาร่วมทุนในแต่ละกิจกรรมต่อไป โดยมีเป้าหมายแรกคือกิจกรรมการจัดตั้งธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยานที่คาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 62
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตั้งเป้าบริษัท แอร์บัสและบมจ.การบินไทย (THAI) จะมีการเซ็นร่วมลงทุนศูนย์ซ่อมอากาศยานที่สนามบินอู่ตะเภา ภายในไตรมาส 1/61 ขณะเดียวกันได้เจรจาดึงพันธมิตรจากสายการบินในประเทศจีน, สายการบินลุฟต์ฮันซ่า จากเยอรมนี และสายการบินเวียตเจ็ท ซึ่งเป็นสายการบินที่มีขนาดฝูงบินใหญ่มาเป็นลูกค้าหลัก
"เห็นแนวโน้มการใช้ประโยชน์ในการสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานที่อู่ตะเภามีความเป็นไปได้สูง จากปริมาณเที่ยวบินจำนวนมากเข้าไทย รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทยจำนวนมากโดยปีนี้มีประมาณ 34 -35 ล้านคนที่มีโอกาสที่ไทยจะเป็น Aviation Hub ได้โดยไม่จำเป็นต้องรอให้แผนทั้งโครงการเสร็จสมบูรณ์ สามารถทยอยเริ่มทำได้ โดยทางแอร์บัสและการบินไทยจะเริ่มให้บริการการซ่อมบำรุงที่ศูนย์ซ่อมฯของการบินไทยก่อน"
ทั้งนี้ จากการที่ทางสหภาพยุโรป(EU) ได้รื้อฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศไทย ถือเป็นโอกาสอันดีที่ไทยจะร่วมลงทุนกับประเทศฝรั่งเศส โดยใช้โอกาสที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเยือนประเทศฝรั่งเศสในต้นปี 61 ในการลงนามเซ็นสัญญาร่วมทุนกับแอร์บัส ที่เมืองตูลูส
"เป็นสิ่งที่น่ายินดีที่แอร์บัสกับการบินไทยได้เซ็นสัญญาวันนี้หลังจากเริ่มต้นปีที่แล้วได้ร่วมมือกันศึกษาความเป็นไปได้ศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา และได้เร่งทำให้เสร็จในปีนี้ตามสัญญา เราเชื่อว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะ Take off ครั้งใหญ่ เศรษฐกิจจะมาสู่ภูมิภาคนี้แน่นอน ...โอกาสไม่ได้รอเราตลอด ดังนั้นอยากเห็น sign Joint Venture ในไตรมาส 1 ปีหน้า no delay .. so you don't worry, don't study too long , just hurry up " รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้านเรืออากาศโทรณชัย วงศ์ชะอุ่ม ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา THAI กล่าวว่า โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา มีงบลงทุน 1.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจำนวน 7 พันล้านบาท ใช้เป็นค่าเช่าพื้นที่ภายในท่าอากาศยานอู่ตะเภา ซึ่งกองทัพเรือเป็นเจ้าของพื้นที่และเป็นผู้บงทุนสิ่งปลูกสร้าง ส่วนอีก 4 พันล้านบาท จะแบ่งลงทุนระหว่างแอร์บัสกับการบินไทยฝ่ายละครึ่ง หรือฝ่ายละ 2 พันล้านบาทซึ่งเป็นลักษณะการร่วมลงทุนแบบ PPP โดยมีอัตราผลตอบแทนการลงทุน (IRR) โครงการนี้ เฉลี่ย 13%ต่อปี และมีระยะเวลาคืนทุน 11 ปี
ทั้งนี้ คาดว่าใน 20 ปีข้างหน้า จำนวนเครื่องบินที่ให้บริการในเอเชียแปซิฟิคเพิ่มเป็น 17,000 ลำ จากปัจจุบันมีกว่า 3,000 ลำ และสามารถเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานระดับ World Class MRO อันดับหนึ่งของโลก
เรืออากาศโทรณชัย กล่าวว่าจะนำเสนอ คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียง เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.)ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในเดือน ก.พ.61 และเข้าคณะรัฐมนตรีถัดไป ทั้งนี้จะเปิดดำเนินการในปี 62 และคาดเปิดให้บริการในปี 64 เลื่อนขึ้นมาเร็วขึ้นจากเดิมกำหนดปี 65 ซึ่งเร่งรัดโครงการตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรี
นายฌอง ฟรองซัวร์ ลาวาล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายกิจการลูกค้าประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท แอร์บัส กล่าวว่า แอร์บัสภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งแผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกที่จะช่วยเปิดโอกาสที่ดีทางธุรกิจให้กับบริษัทพันธมิตรและซัพพลายเออร์ ทางด้านการบินได้หลายบริษัท และในช่วงที่ผ่านมาการบินไทยและแอร์บัสได้ประเมินศูนย์ให้บริการซ่อมบำรุงอากาศยาน และเราได้เห็นถึงศักยภาพของประเทศที่มีความพร้อมเรื่องทำเลทางภูมิศาสตร์ที่ควบคู่ไปกับแรงงานที่มีฝีมือและศักยภาพทางการตลาด
สนามบินอู่ตะเภา สามารถรองรับอากาศยานได้ทุกขนาด และยังมีโรงงานซ่อมบำรุงแบบครบครันที่ดำเนินการโดยการบินไทยอยู่แล้ว โดยมีแรงงานฝีมือที่ชำนาญการ และในช่วงปีหน้านี้ทางการบินไทยจะเริ่มการบำรุงรักษาเครื่องบิน เอ 380 โดยการดูแลของทีมแอร์บัสที่อยู่ที่สนามบินอู่ตะเภา และในอีก 10 ปีข้างหน้า จะมีการสร้างโรงเก็บเครื่องบินแห่งใหม่ และในที่สุดสนามบินอู่ตะเภาจะกลายเป็นสนามบินที่มี 2 รันเวย์ ที่เติบโตและมีศักยภาพ