นายปสันน์ สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 61 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือแตะระดับ 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากปริมาณงานที่ออกมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และภาคเอกชนที่เริ่มกลับมาเร่งลงทุนมากขึ้น อาทิ รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าสายต่างๆ ท่าเรือ และ แอลเอ็นจีเทอร์มินอล เป็นต้น
ปัจจุบันบริษัทได้ยื่นประมูลงานใหม่มูลค่าหลายโครงการ มูลค่าราวกว่า 32,223 ล้านบาท โดยบริษัทคาดหวังว่าจะได้งานเข้ามาราว 13,000 ล้านบาท
นายปสันต์ กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยบวกด้านการส่งออกที่เติบโตได้ดี ขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ส่วนการลงทุนภาครัฐเชื่อว่าจะมีออกมามากขึ้น จากปีนี้ที่ล่าช้าไปไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) หลายประเทศยังมีความต้องการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานอีกมาก ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนงานก่อสร้างออกมามาและหนุนให้บริษัทมีการเติบโต
ในการเข้ารับงานใหม่ในปี 61 บริษัทจะเน้นงานที่มีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูง และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อปรับปรุงผลประกอบการให้ดีขึ้น โดยเฉพาะกำไรสุทธิที่ต้องมีทิศทางดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทยังคาดรายได้จากการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างเพื่อขายจะสามารถเติบโตได้ 10% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ราว 500 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการพร้อมขายราว 1,400-1,500 ล้านบาท พร้อมเตรียมเปิดโครงการใหม่ คือ เอสเพน คอนโด ลาซาล เฟส 4 มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท
นายปสันน์ กล่าวเพิ่มเติมถึงธุรกิจใหม่อีก 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจผนังคอนกรีตสำเร็จรูป คาดว่าจะสามารถใช้กำลังการผลิตได้เกิน 50% หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ราว 100 ล้านบาท สามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ ขณะที่ธุรกิจอาหาร เตรียมจะเปิดร้านอาหาร"ใบบัว"บนถนนสีลม ด้วยมูลค่าลงทุนไม่เกิน 10 ล้านบาท นอกจากนั้นยังจะมีการจำหน่ายซุปและซอสสำเร็จรูปไปยังต่างประเทศอีกด้วย
สำหรับภาพรวมผลประกอบการปีนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะมีกำไรอย่างแน่นอน แม้ในช่วง 9 เดือนแรกจะมีผลขาดทุน 66.18 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการที่มีค่าใช้จ่ายบางโครงการเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่ก็รับรู้ไปครบทั้งหมดแล้วในไตรมาส 3/60 ทำให้ในไตรมาส 4/60 จะไม่มีค่าใช้จ่ายดังกล่าวอีก ดังนั้น บริษัทจึงเชื่อว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 5-10% จากปีก่อนที่ 8.39 พันล้านบาท ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) มูลค่าราว 11,719 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในระยะต่อไป