นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เงินบาทยังแข็งค่าอยู่ ประกอบกับท่าทีสหภาพยุโรป(อียู)ได้ส่งสัญญาณพร้อมรื้อฟื้นการเจรจาการค้าเสรี (FTA) ไทย-อียู ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อตลาดหุ้นไทย
นอกจากนี้ ยังมีเงินไหลเข้าจากกองทุนในประเทศเพิ่มเติม โดยเฉพาะจากกองทุน LTF, RMF ที่เข้ามาในช่วงปลายปี ประกอบกับได้ Sentiment เชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ คณะกรรมการ รฟท. มีมติเห็นชอบโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เส้นทางกรุงเทพฯระยอง วงเงิน 2.15 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการลงทุนพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียอยู่ในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ ตามดาวโจนส์ที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ธ.ค.)
พร้อมให้แนวต้านที่ 1,725 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,710 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 ธ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,651.74 จุด เพิ่มขึ้น 143.08 จุด (+0.58%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,675.81 จุด เพิ่มขึ้น 23.80 จุด (+0.90%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,936.58 จุด เพิ่มขึ้น 80.06 จุด (+1.17%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 217.22 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.89 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 75.42 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 12.70 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 6.76 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.96 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.98 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ธ.ค.60) 1,717.69 จุด เพิ่มขึ้น 2.70 จุด (+0.16%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 619.53 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 ธ.ค.60) ปิดที่ระดับ 57.30 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ธ.ค.60) ที่ 7.03 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.50 ก่อนอ่อนค่ามาที่ 32.56 หลังดอลล์แข็ง จับตาร่างกม.ปฏิรูปภาษีสหรัฐฯสัปดาห์นี้
- หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้แต่ละกระทรวงไปจัดทำมาตรการและโครงการให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน มาเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ แต่ละหน่วยงานได้จัดทำมาตรการเตรียมเสนอ ครม.แล้ว โดยส่วนใหญ่เน้นไปที่มาตรการช่วยค่าครองชีพประชาชน รวมทั้งมาตรการให้เงินสดคืนเข้าบัญชีสำหรับลูกหนี้ชั้นดีของธนาคารรัฐที่ประกาศไปก่อนหน้านี้
- คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. มีมติเห็นชอบโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เส้นทางกรุงเทพฯระยอง วงเงิน 2.15 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการลงทุนพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) พร้อมเห็นชอบแนวทางพัฒนาพื้นที่มักกะสันแปลงเอ เนื้อที่ราว 130 ไร่ โดยจะยกพื้นที่ให้เอกชนที่เข้ามา บริหารรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินไปลงทุนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์เป็นสัมปทานระยะเวลา 50 ปี พร้อมข้อตกลงว่าเอกชนต้องแบ่งรายได้จำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท ให้ รฟท.ตลอดอายุสัญญาสัมปทาน
- พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เชิญบริษัทผู้ส่งออกยางพารารายใหญ่ของประเทศทั้ง 5 บริษัทมาหารือจะมีผลอะไรต่อราคายางพาราไทย เพราะทั้ง 5 เสือได้มีการขายยางล่วงหน้าไปแล้ว ไม่มีทางยอมขาดทุนมาไล่ซื้อยางตามที่รัฐขอ ซึ่งการหารือเป็นได้แค่พิธีกรรมเท่านั้น ขอให้ไปย้อนดูเหตุการณ์เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยเชิญมาเจรจาและรับปากจะซื้อและดันราคายางไปที่ 80 บาท/กิโลกรัม กระทั่งผ่านไป 1 ปี ก็ยังไม่มีการดำเนินการตามที่หารือ
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% ต่อเนื่องในการประชุม กนง. รอบสุดท้ายของปี 2560 ในวันที่ 20 ธ.ค. 2560 นี้ แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาอยู่ในระดับเดียวกัน เนื่องจากภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังเกิดขึ้นไม่เต็มที่ ขณะที่ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้า คงพึ่งพาแรงหนุนจากการลงทุนมากขึ้น ซึ่งการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายคงน่าจะเป็นแรงส่งที่ดีในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า
- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การเดินทางท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 2560-2 ม.ค.2561 คาดว่า จะใช้จ่ายสะพัดวงเงิน 15,567.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
*หุ้นเด่นวันนี้
- IVL (ไอร่า) เป้า 59 บาท EBITDA ของ IVL มาจากประเทศสหรัฐฯ ประมาณ 32% ซึ่งปัจจุบันสภาคองเกรสอยู่ระหว่างรวมร่างกฎหมายของวุฒิสภาและสภาผู้แทนฯ คาดผลการดำเนินงานของ IVL ที่สหรัฐฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ประมาณ 1,000 ล้านบาท หากมีการบังคับใช้ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี พร้อมคาดปี 60 มีกำไรสุทธิ 13,255 ล้านบาท ยังคงแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับปี 59 ซึ่ง IVL มีกำไรพิเศษจากการต่อรองซื้อกิจการก่อนภาษีจำนวนประมาณ 6,700 ล้านบาท ขณะที่คาดในปี 61 มีกำไรสุทธิ 15,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% ส่วนหนึ่งจากการเพิ่มกำลังการผลิตต่อเนื่อง เฉลี่ย 10.4%ต่อปี คาดอยู่ที่ 10.6 ล้านตัน ในปี 61 จาก 8.7 ล้านตัน เมื่อในปี 59
- INGRS (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 1.50 บาท กำไร Q3/60-61 ทรุดลงเหลือเพียง 5 ล้านบาท (-86%QoQ, -93%YoY) จากลูกค้าหลัก คือ Perodua อยู่ในช่วงเปลี่ยนโมเดล การได้รับคำสั่งซื้อใหม่ โมเดลของลูกค้าหลัก Perodua เริ่มผลิตเต็มที่คาดจะหนุนให้กำไร Q4/60 กลับมาฟื้นตัวมีกำไรดีขึ้น และ ปี 2561 คาดจะเติบโตดีขึ้น รวมถึงได้แรงหนุนจากบริษัทในอินเดียที่ถือหุ้นเพิ่ม 100% จาก 40% จะช่วยเพิ่มยอดขาย 300 ล้านบาท และกำไรประมาณ 35 ล้านบาท ปันผลกำไร 9 เดือนแรก 0.026 บาท
- CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) กลุ่มค้าปลีก แนะ Overweight จากกำลังซื้อที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หนึ่งใน Top Pick คือ CPALL เป้าปีหน้า 86 บาท จากการเติบโตของกำไรที่สม่ำเสมอสุดในกลุ่ม, หนี้สินต่อทุนผ่อนคลายลงจนอยู่ในระดับ Bond Covenants, และการเติบโตที่ดีของ MAKRO ซึ่งล่าสุดประสบความสำเร็จอย่างมากกับการเปิดสาขาแรกในกัมพูชา พร้อมคาดกำไร Q4/60 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 5.1 พันลบ. +3% Q-Q, +19% Y-Y ส่วนปีหน้าคาด +20% Y-Y อยู่ที่ 2.3 หมื่นลบ. ขณะที่ ข้อมูล 3 ปีย้อนหลังบ่งชี้ว่าราคา CPALL ชอบปรับตัวขึ้นใน 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีในอัตราเฉลี่ย 5%
- ASAP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 8.20 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลงจนมี upside ที่น่าสนใจ มุมมองยังเป็นบวกทั้งระยะสั้นและระยะยาว ในระยะสั้นคาดกำไรสุทธิ Q4/60 +13% Q-Q, +174% Y-Y เป็น 40 ล้านบาท สูงสุดในรอบปี ส่วนปีหน้าคาดกำไร +73% จากการเปิด ASAP Auto park ใน Q1/61 ทำให้มีรายได้ค่าเช่าพื้นที่และเป็นช่องทางขายรถมือสองอีกช่องทางหนึ่ง ขณะที่จำนวนรถเช่ายังเพิ่มต่อเนื่อง คงความเป็นผู้นำตลาดรถให้เช่ารายใหญ่ที่สุดในประเทศ