นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรายย่อยในปี 61 เติบโต 10-20% โดยแบ่งเป็นการเติบโตของสินเชื่อแต่ละประเภท ได้แก่ สินเชื่อบ้านตั้งเป้าจะปล่อยใหม่ 1.6 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ 1.4 หมื่นล้านบาท สินเชื่อบุคคลตั้งเป้า 1 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ 8 พันล้านบาท สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ตั้งเป้าเท่ากับปีนี้ที่ 1 หมื่นล้านบาท สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ตั้งเป้าเท่ากับปีนี้ 3 พันล้านบาทเช่นกัน
แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในปีหน้า มองว่ามีสัญญาณที่ดีขึ้นตามภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจคาดว่าจะเติบโต 3-4% และภาพรวมสินเชื่อทั้งระบบจะขยายตัว 5-10% ขณะที่สินเชื่อรายย่อยมีแนวโน้มการฟื้นตัวดีขึ้นเช่นกัน เป็นไปตามแนวโน้มเติบโตของภาวะเศรษฐกิจ แต่การแข่งขันจะรุนแรงมากขึ้น เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการควบคุมการปล่อยสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท ซึ่งกระทบกับลูกค้าบางกลุ่ม
ขณะที่สินเชื่อคงค้างสินเชื่อรายย่อยของ CIMBT ในปี 61 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีนี้ที่ 1.15 แสนล้านบาท ซึ่งการเติบโตเพียงเล็กน้อยเป็นเพราะสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่มีระยะเวลาการชำระคืนรวดเร็ว ทำให้พอร์ตสินเชื่อคงค้างของธุรกิจรายย่อยมีการเติบโตไม่มาก
แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพหนี้ควบคู่ไปกับการขยายตัวของสินเชื่อ โดยในปี 61 จะควบคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไม่ให้เกิน 3.75% จากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าอยู่ที่ 3.75% ซึ่งเป็นระดับ NPL ที่สามารถควบคุมได้ดีกว่าเป้าหมายในปีนี้ที่ตั้งไว้ไม่เกิน 4.2% เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4/60 ธนาคารได้มีการขายหนี้สินเชื่อบ้านออกไปบางส่วนมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท ทำให้ NPL ของธุรกิจรายย่อยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนภาพรวมการขยายตัวของสินเชื่อรายย่อยในปีนี้จะเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้โต 10% มาอยู่ที่ราว 7% ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการควบคุมของธนคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งผลให้ความต้องการใช้สินเชื่อบุคคลเกิดภาวะชะลอตัวลง โดยเห็นภาพชัดเจนในไตรมาส 4/60 ซึ่งปกติจะเป็นช่วงที่มีความต้องการใช้สินเชื่อบุคคลมากที่สุดของปี ส่งผลกดดันการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยในภาพรวมของธนาคารให้เติบโตได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ขณะที่งานเกี่ยวกับธุรกิจสาขาของธนาคารในปี 61 จะเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนทำเลของสาขาในบางทำเล (Relocated) ที่มีการย้ายมาในทำเลที่มีศักยภาพและตอบโจทย์การให้บริการของธนาคารมากขึ้น อย่างเช่นต้นปี 61 จะมีการปิดสาขาที่อยู่นอกห้างสรรพสินค้า และย้ายมาเปิดในห้างสรรพสินค้าในทำเลใกล้เคียงกัน
นอกจากนั้น ธนาคารยังคงมองหาทำเลการเปิดสาขาในซุปเปอร์มาร์เก็ต “SPAR" ในปั๊มน้ำมันบางจาก เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและชุมชนมากขึ้น และเป็นกลยุทธ์ในการขยายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินเชื่อรายย่อยให้กับกลุ่มลูกค้าที่อยู่นอกเมือง ขณะที่มีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการสาขาในปั๊มน้ำมันที่น้อยกว่าสาขาในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ โดยสาขาในปั๊มน้ำมันมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 1-2 แสนบาท ส่วนสาขาในห้างสรรพสินค้ามีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือน 1-2 ล้านบาท ซึ่งธนาคารคาดว่าหากสาขาแรกในซุปเปอร์มาร์เก็ต “SPAR" ที่ปั๊มน้ำมันสาขาราชพฤกษ์ หากประสบความสำเร็จก็จะขยายเพิ่มได้อีก 10-30 สาขา