DDD เตรียมเทรดวันแรก 26 ธ.ค. มั่นใจ 3 ปัจจัยหลักช่วยผลักดันการเติบโตทั้งระยะสั้น-ยาว

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 18, 2017 15:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปิยวัชร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสายงานบัญชีและการเงิน บมจ. ดู เดย์ ดรีม (DDD) เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะเริ่มซื้อขายหุ้นภายใต้หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ส่วนตัว และเวชภัณฑ์ ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “DDD" เป็นครั้งแรกในวันที่ 26 ธ.ค.60

“เรามั่นใจว่าปัจจัยสนับสนุนทั้งในและนอกบริษัท ฯ หลักๆ 3 ด้านจะช่วยผลักดันการเติบโตได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ได้แก่ รายได้จากการขายสินค้าในต่างประเทศที่มีการเติบโตออย่างมีนัยสำคัญ การเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าใหม่คือ คิง เพาเวอร์ และประการสุดท้ายคือ การออกบรรจุภัณฑ์ใหม่ในแบบซองที่สนองความต้องการลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้ดี ทำให้เราขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ"นายปิยวัชร กล่าว

นายปิยวัชร กล่าวเสริมว่า ในด้านตลาดต่างประเทศ หลังจากที่บริษัทเริ่มเปิดตลาดจีนเป็นครั้งแรกในปี 59 สามารถทำรายได้ถึงประมาณ 140 ล้านบาท และเริ่มมีการเข้าไปทำการตลาดมากขึ้นในปีนี้จนทำให้รายได้จากการขายเติบโตสูงขึ้นถึง 3 เท่าเป็น 440 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 60

“ประเทศจีนนับเป็นตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีมูลค่าสูงมากถึง 1 ล้านล้านบาทและยังมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ ยังมีช่องทางในการเติบโตต่อไปได้ในอนาคต นอกจากนี้เรากำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์ไปสู่ประเทศใหม่ๆ ในเอเชียอีกด้วย เช่น ตลาด CLMV" นายปิยวัชร กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าที่สำคัญซึ่งจะผลักดันการเติบโตของรายได้เป็นอย่างมากคือ ร้านค้าปลอดภาษีคิง เพาเวอร์ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาที่สาขาศรีวารีเป็นแห่งแรกและได้เริ่มขยายไปยังสาขาอื่นได้แก่สาขาสุวรรณภูมิ โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

สำหรับปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของรายได้จากการขายในประเทศอีกประการหนึ่งคือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ขนาดใหม่แบบซอง (Sachet) โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ ได้ดำเนินการขายผลิตภัณฑ์ครีมทาหน้าในรูปแบบซอง ทำให้เจาะกลุ่มลูกค้าในร้านสะดวกซื้อและร้านค้ารายย่อยได้กว้างขวางยิ่งขึ้น รวมทั้งบริษัทฯ มีแผนที่จะนำเสนอสินค้าไปสู่ช่องทางจำหน่ายอื่นๆมากยิ่งขึ้น

“จากที่ได้เริ่มดำเนินการผลิตที่โรงงานใหม่ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะตั้งแต่ช่วงปลายปี 59 เราเชื่อมั่นว่า ณ ตอนนี้ ฝ่ายผลิตมีความพร้อม มีความรู้ความเข้าใจในระบบและเครื่องจักรที่ทันสมัยของโรงงานใหม่อย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยให้เราบริหารจัดการต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น ประกอบกับการนำระบบ SAP เข้ามาใช้ ทำให้เราบริหารงานและวางกลยุทธ์ธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม่นยำ นำไปสู่การจัดการต้นทุนที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ปีนี้เราใช้งบประมาณในการทำการตลาดและการสร้างแบรนด์ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ถึง 8 ตัวซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถสร้างการตระหนักรู้และความเชื่อมั่นในตัวสินค้าในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในระดับที่น่าพึงพอใจ ทำให้ในปีต่อไปเราน่าจะสามารถพิจารณาปรับลดงบประมาณการตลาดลงได้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริมการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิในอนาคต" นายปิยวัชร กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ