GOLD ตั้งเป้าปี 61 เปิด 34 โครงการใหม่หลังมองตลาดโต คาดยอดขาย 2.66 หมื่นลบ.-รายได้ 1.61 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 19, 2017 13:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายแสนผิน สุขี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายสำหรับธุรกิจที่อยู่อาศัยในปี 61 อยู่ที่ 2.66 หมื่นล้านบาท พร้อมกับเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ 34 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3.96 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการทาวน์โฮม 20 โครงการ บ้านแฝด 8 โครงการ บ้านเดี่ยว 4 โครงการ และโครงการต่างจังหวัดอีก 2 โครงการ ซึ่งการเปิดโครงการในปี 61 มีจำนวนเพิ่มขึ้น 2 เท่า จากปีนี้ที่เปิดโครงการใหม่ 14 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตั้งงบซื้อที่ดินในปี 61 อยู่ที่ 1.32 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ซื้อที่ดินทั้งหมด 34 แปลง รองรับการเปิดโครงการ

สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทในปี 61 ยังคงคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญที่ใช้ประกอบการตัดสินหาทำเลเปิดโครงการ เช่น เป็นย่านที่มีกำลังซื้อสูง เป็นแหล่งชุมชน เดินทางสะดวก ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก และสามารถพัฒนาเป็นโครงการที่มีความหลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม

ทั้งนี้ บริษัทจะเปิด 3 โครงการขนาดใหญ่ ซึ่งมีการพัฒนาโครงการได้หลายหลายรูปแบบในพื้นที่เดียวกัน ได้แก่ อาณาจักรบริติช อเวนิว ย่านเกษตรนวมินทร์ ที่จะพัฒนาโครงการที่มีมูลค่ารวมทั้งหมด 4 พันล้านบาท ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ ,อาณาจักรโกลเด้น เอ็มไพร์ ย่านสาทร-กัลปพฤกษ์ และอาณาจักร ฟีเรนเซ เอ็มไพร์ ย่านบางแค

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเดินหน้าขยายโครงการในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ระเบียงเศษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา จากผลตอบรับเป็นอย่างดีของโครงการต่างจังหวัดโครงการแรก คือ โกลเด้น ทาวน์ ศรีราชา-อัสสัมชัญ ด้วยยอดขายในวันเปิดตัวทะลุ 700 ล้านบาท บริษัทจึงมุ่งเดินหน้าต่อ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในต่างจังหวัด โดยเน้นที่ดินทำเลในเมืองในจังหวัดที่มีกำลังซื้อสูงเท่านั้น

นายแสนผิน กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการขายที่อยู่อาศัยในปี 61 ที่ระดับ 1.61 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 35% จากปี 60 ที่คาดว่ารายได้จากการขายที่อยู่อาศัยจะอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยในปี 61 จะรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เข้ามาราว 4-5 พันล้านบาท จาก Backlog ที่มีอยู่ทั้งหมด 5-6 พันล้านบาท ซึ่งการโอนของบริษัทจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน หลังจากเปิดขาย โดยบริษัทเน้นการขายโครงการที่มีระยะเวลาการขายที่เร็ว เพื่อทำให้มีรายได้กลับมา ส่วนสต็อกเหลือขายของบริษัทในปัจจุบันมีมูลค่ารวม 1.7 หมื่นล้านบาท จาก 44 โครงการที่เปิดการขายไปแล้ว

ด้านแนวโน้มอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทในปีนี้และปี 61 คาดว่าจะยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 30% ซึ่งยังเป็นผลมาจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ซึ่งทางบริษัทไม่มีการใช้นโยบายตรวจสอบความสามารถในการกู้ยืมของลูกค้าก่อน เพราะจะส่งผลต่อความกังวลในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้า แต่อย่างไรก็ตามหากลูกค้าถูกปฏิเสธสินเชื่อบริษัทก็มีลูกค้ารายต่อไปที่จะเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยต่อจากลูกค้ารายเดิม

ส่วนแนวโน้มภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ไนปี 61 คาดว่าจะยังมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น ทำให้ความมั่นใจกลับมาดีขึ้น และส่งผลต่อการตัดสินใจในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกันการลงทุนขยายเส้นทางการคมนาคมต่าง ๆ ของภาครัฐ ทำให้มีความต้องการซื้ออสังหาริมาริมทรัพย์ไนพื้นที่ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ