โบรกเกอร์เชียร์"ซื้อ"หุ้นบมจ.อาร์เอส (RS) หลังมองกำไรปี 61-62 เติบโตก้าวกระโดด รับผลบวกมาจากการขยายตัวของธุรกิจสุขภาพและความงาม (Health & Beauty :H&B) ซึ่งมีมาร์จิ้นสูงนั้น หลังขยายพันธมิตรช่วยจำหน่ายและการเพิ่มสัดส่วนช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ ผนวกบวกกับธุรกิจสื่อโทรทัศน์ที่จะเริ่มเห็นกำไรจากการขึ้นค่าโฆษณา หลังช่อง 8 มีเรตติ้งที่ดี และการปรับกลยุทธ์การขายอัตราค่าโฆษณาแยกรายการในช่วงไพร์มไทม์เป็นหลัก ช่วยหนุนให้ธุรกิจสื่อโทรทัศน์เริ่มทำกำไรได้ในปี 61
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/60 ยังนับว่าแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับกลุ่มสื่อด้วยกัน แม้ผลกำไรจะอ่อนตัวลงจากช่วงไตรมาส 3/60 เนื่องจากมีช่วงพระราชพิธีในเดือน ต.ค. แต่ธุรกิจ H&B ยังมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง หลังปรับกลยุทธ์การขายเพิ่มสินค้าและมีการโทรขายซ้ำ (Outbound) หาลูกค้าสั่งซื้อสินค้าซ้ำเพิ่มขึ้น
ช่วงบ่ายราคาหุ้น RS อยู่ที่ 26.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 5.94% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น 0.35%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ทิสโก้ ซื้อ 30.00 เอเซีย พลัส ซื้อ 29.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 27.00 บัวหลวง ซื้อเก็งกำไร 32.00
นางสาวพรสุข อมรวดีกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มกำไรปกติของ RS ในปี 61 เติบโตสูง 1.5 เท่าตัวเมื่อเทียบปีนี้ และเพิ่มขึ้น 45.7% ในปี 62 โดยเป็นการเติบโตของธุรกิจ H&B ที่มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งคาดว่ายอดขายจะเพิ่มจากปีนี้ที่ 1.4 พันล้านบาท เป็น 2.1 พันล้านบาทในปี 61 และ 2.8 พันล้านบาท ในปี 62 จากการเพิ่มจำนวนสินค้าราว 30 ประเภท รวมสินค้าใหม่ในกลุ่ม Non-H&B เช่น Food Supplement สินค้า Organic สินค้าเด็ก เป็นต้น ตลอดจนการขายให้พันธมิตรเพิ่มขึ้น การเพิ่มช่องทางขายทางออนไลน์มากขึ้น การเพิ่มพนักงาน Call Center และขยายไปประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น
ด้านธุรกิจสื่อโทรทัศน์นั้น คาดว่ารายได้ค่าโฆษณาของช่อง 8 ในปี 61-62 จะเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นค่าโฆษณา (Ad Rate) เมื่อเทียบกับปีนี้ที่ปรับขึ้นไม่ได้มาก จากเรตติ้งเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีการปรับมาใช้วิธีการขายโฆษณาแยกในรายการช่วงไพร์มไทม์ที่มีเรตติ้งสูง และค่าโฆษณายังต่ำมากเทียบกับคู่แข่ง
ส่วนแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/60 คาดว่าจะลดลงจากไตรมาสก่อนที่เป็นกำไรสูงสุดของปี จากผลกระทบงานพระราชพิธีราว 3-4 สัปดาห์ ซึ่งส่งผลต่อธุรกิจทีวีดิจิตอล (ช่อง 8),วิทยุ และจัดงานอีเว้นท์ แม้คาดยอดขายผลิตภัณฑ์ H&B จะยังแกร่งเกือบ 480 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อน และ 11 เท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจะช่วยหนุนให้ทั้งปี 60 พลิกมีกำไรสุทธิได้ จากปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 102.15 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ RS ทำกำไรสุทธิได้แล้ว 222.85 ล้านบาท
"เรายังมีมุมมองเชิงบวก ปีนี้จะฟื้นเป็นกำไรได้ และปีหน้าก็จะเติบโตในอัตราสูง โดยเฉพาะธุรกิจ H&B มีแนวโน้มเติบโตสูง และธุรกิจทีวีก็จะฟื้นตัวจากปีนี้ที่มียังขาดทุน RS มีเรตติ้งขึ้นมาในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาก็สามารถปรับขึ้นค่าโฆษณาได้ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นในปีหน้า"นางสาวพรสุข กล่าว
ด้านบทวิเคราะห์บล.ทิสโก้ ระบุว่า แนวโน้มกำไรสุทธิของ RS ยังเติบโตก้าวกระโดดใน 2 ปีข้างหน้า ทั้งจากธุรกิจทีวีและการขยายธุรกิจ H&B โดยประเมินว่ากำไรในปีนี้จะพลิกเป็นบวกที่ 304 ล้านบาท และปี 61-62 กำไรจะเติบโตก้าวกระโดดที่ 134% และ 47% ตามลำดับ จากการปรับกลยุทธ์ในธุรกิจทีวีด้วยการขายอัตราค่าโฆษณาแยกรายการในช่วงไพร์มไทม์เป็นหลัก จากราคาปัจจุบันที่ยังต่ำกว่าตลาด ขณะที่เรตติ้งช่วงไพร์มไทม์นับว่าอยู่ในอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะรายการข่าว กีฬา ซีรีย์ละครที่เพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่าอัตราค่าโฆษณาปี 61-62 จะปรับเพิ่มขึ้น 28% และ 14% ตามลำดับ จากเรตติ้งที่คาดจะเพิ่มขึ้นปีละ +1
สำหรับธุรกิจ H&B คาดว่ายอดขายเติบโตต่อเนื่องในปี 61 ที่ 40% และปี 62 เติบโต 30% จากกลยุทธ์การใช้ฐานข้อมูลลูกค้าที่มีปัจจุบัน 7 แสนราย ด้วยการโทรขายซ้ำ (outbound) การขยายพันธมิตรช่วยจำหน่าย เพิ่มจำนวนสินค้า 30 SKU เพิ่มสัดส่วนช่องทางการจำหน่ายสัดส่วนออนไลน์ ขยายจำนวนพนักงานรับสายเพิ่ม 60 สาย และกำลังศึกษาวางแผนขยายตลาดไปต่างประเทศในกลุ่มเพื่อนบ้าน ทำให้คาดว่าอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในปี 61-62 มาอยู่ที่ 15-18% จากสัดส่วน H&B ที่มีมาร์จิ้นดีกว่าและการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองที่สดใสต่อแผนธุรกิจของ RS ในปี 61 ทั้งธุรกิจสื่อโทรทัศน์ และธุรกิจ H&B โดยในธุรกิจสื่อโทรทัศน์ คาดว่าจะเริ่มเห็นกำไรเป็นปีแรก จากการขึ้นราคาค่าโฆษณาเฉลี่ยราว 40% โดยยังคงเน้นไปที่รายการข่าวทั้งเช้าและเย็น รายการมวย ซีรี่ย์บอลลิวูดอินเดีย และละครที่มีเนื้อหาเข้มข้น เหมือนในปีนี้ โดยเฉพาะรายการข่าวเข้าที่มีเรตติ้งติด Top 3 ทำให้สามารถขึ้นค่าโฆษณาได้ราว 5 เท่า และซีรีย์อินเดีย เรื่องหนุมานขึ้นค่าโฆษณาได้ 6 เท่า จากฐานราคาที่ต่ำราว 2-5 หมื่นบาท/นาที ทำให้อัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 40% ขณะที่ต้นทุนการผลิตเพิ่มจากปี 60 เพียงเล็กน้อย
ส่วนธุรกิจ H&B นับเป็นโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ด้วยการต่อยอดนำช่องทีวีทั้งช่อง 8 ช่วงนอนไพร์มไทม์ และช่องดาวเทียม มาเป็นช่องทางในการขายสินค้าบวกกับกลยุทธ์การตลาดที่ดี โดยทำยอดขายสูงสุดใหม่ต่อเนื่องทุกไตรมาส และในปี 61 จะเติบโตด้วยการนำฐานข้อมูลลูกค้าที่มีมากขึ้นมาวิเคราะห์ข้อมูลและทำการตลาด รวมถึงมีแผนเพิ่มชนิดผลิตภัณฑ์สินค้าอีก ตลอดจนเพิ่มช่องทางการขายใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายรายได้ 2.5 พันล้านบาท หรือราว 210 ล้านบาท/เดือน
บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์โดยคาดว่า RS จะเป็นบริษัทเดียวในกลุ่มสื่อทีวีที่จะสามารถรายงานกำไรได้ในช่วงไตรมาส 4/60 แม้จะมีผลกระทบของช่วงพระราชพิธีในเดือน ต.ค. โดยประเมินกำไรเบื้องต้นที่ 30-40 ล้านบาท จากกำไรของธุรกิจ H&B ที่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งประเมินรายได้จากธุรกิจดังกล่าวในช่วงไตรมาส 4/60 เบื้องต้นที่ 470 ล้านบาท เติบโตกว่า 11 เท่าตัวจาก 42 ล้านบาทในไตรมาส 4/59 และเพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสก่อน หนุนโดยการออกสินค้าใหม่ รวมถึงจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย ในขณะที่ผลกระทบของเดือน ต.ค. ไม่ได้ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อยอดขายของธุรกิจนี้แต่อย่างใด