(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้อาจเผชิญแรง Take profit บ้างหลังขึ้นไปมาก แต่ยังได้ LTF ช่วยหนุนดัชนีฯแกว่งไซด์เวย์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 26, 2017 09:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้อาจจะเผชิญกับแรง Take profit บ้างหลังจากที่ได้ปรับตัวขึ้นไปมาก และตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็โดน Take profit แต่ขณะนี้ก็มีเริ่มกลับมาดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังคงเป็นลักษณะแกว่งแคบ เนื่องจากวอลุ่มเทรดบางหลังเข้าสู่ช่วงเทศกาล

สำหรับบ้านเราจะเห็นได้ว่าแรงซื้อของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ยังมากอยู่ ซึ่งก็น่าจะทำให้ตลาดฯแกว่งไซด์เวย์ได้แถวบริเวณ 1,750 จุด โดยสัปดาห์นี้คงจะมองไปที่ Fund Flow ที่เข้ามาจาก LTF ส่วนนอกประเทศก็มีปัจจัยเรื่องสหรัฐฯจะลดภาษีนิติบุคคล ตรงนี้ก็น่าจะทำให้กำไรของบริษัทฯในสหรัฐฯดีขึ้นในปีหน้า

ส่วนปัจจัยในประเทศเวลานี้ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยมีข่าวบวกจากทั้งยอดขายรถยนต์ที่ออกมาดี และการท่องเที่ยวก็ยังดีอยู่ เป็นต้น เพียงแต่วอลุ่มเทรดอาจจะแผ่วลงบ้าง เพราะนักลงทุนหลายคนได้หยุดการเทรดหุ้นไปแล้ว

พร้อมให้แนวรับ 1,740 จุด ส่วนแนวต้าน 1,760 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการล่าสุด (25 ธ.ค.60) เนื่องในวันคริสต์มาส
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 16.23 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.62 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ลดลง 1.73 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.73 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 7.13 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 3.65 จุด

ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ และตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ธ.ค.60) 1,750.22 จุด เพิ่มขึ้น 8.14 จุด (+0.47%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,497.85 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.60
  • ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 ธ.ค.60) เนื่องในวันคริสต์มาส
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ธ.ค.60) ที่ 6.88 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.75 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ หลังตลาดตปท.ส่วนใหญ่เข้าช่วงหยุดยาว
  • "แบงก์ชาติ" ส่งสัญญาณ คงดอกเบี้ยต่ำ หนุนเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง เมินสหรัฐขึ้นดอกเบี้ย ย้ำนโยบายการเงินต้องตอบโจทย์ในประเทศ มั่นใจฐานะต่างประเทศไทยแกร่ง รองรับปัญหาเงินทุนไหลออกได้ มั่นใจปีหน้า "จีดีพี" โต 3.9% จากส่งออก-ท่องเที่ยว มองเศรษฐกิจเริ่มกระจายตัวมากขึ้น
  • นายกฯ รับข้อเสนอเอกชนพัฒนาภาคเหนือ เร่งโครงสร้างพื้นฐาน-บริหารจัดการน้ำ-ยกระดับเกษตร สั่งคมนาคมทำรายละเอียด แผนสร้างรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-เชียงใหม่ หลังญี่ปุ่นรายงานงบก่อสร้าง 4 แสนล้านบาท สั่งศึกษาสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 รองรับผู้โดยสาร เต็มศักยภาพปี 73 ไฟเขียวงบ 61 แก้ปัญหาน้ำท่วม 1.9 พันล้านบาท
  • กรมสรรพากรเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง โดยให้สามารถนำ ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการท่องเที่ยวเมืองรอง อาทิ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าซื้อสินค้า โอท็อป เป็นต้น รวมกันแล้วไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท มาหักลดหย่อนภาษี ระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. 2561 โดยใช้ใบเสร็จรับเงินจากผู้ประกอบการที่ไปรับบริการ หรือซื้อสินค้าเป็นหลักฐานเท่านั้น โดยมาตรการดังกล่าวเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนให้ประชาชนที่อยู่ตามต่างจังหวัด โดยเฉพาะในเมืองรองมีรายได้เพิ่มขึ้น
  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 จะมีเม็ดเงินสะพัดประมาณ 1.32 แสนล้านบาท ขยายตัว 2.1% ถือว่าเม็ดเงินการใช้จ่ายสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ทำการสำรวจรอบ 13 ปี เป็นผลมาจากประชาชนเริ่มมั่นใจแนวโน้มเศรษฐกิจปรับตัวขึ้น จึงใช้จ่ายและเลือกนำเงินเดือนมาเลือกซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลปีใหม่มูลค่าสูงกว่าปีก่อน
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แม้เศรษฐกิจจะขยายตัวดีขึ้นชัดเจนแล้ว แต่การดำเนินนโยบายการเงินยังผ่อนคลายต่อเนื่องในปีหน้านี้ เพื่อเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง ไม่เร่งรีบปรับขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากไม่มีแรงกดดันเงินเฟ้อ ถึงเงินเฟ้อปัจจุบันจะปรับขึ้นมาบ้างตามราคาน้ำมัน แต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ

*หุ้นเด่นวันนี้

  • DDD (บมจ. ดู เดย์ ดรีม) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดหมวดธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยมีราคาขาย IPO 53 บาท/หุ้น ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมปี 2561 ได้เท่ากับ 59.00 บาท อิง PE ของ Peer Group ที่ 32 เท่า คาดว่ากำไรสุทธิปี 2560-2562 จะเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 31% ต่อปี

บริษัทฯเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิว ด้วยกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ที่ไม่เหมือนใคร และการกระจายสินค้าด้วยช่องทางที่หลากหลายและครอบคลุม ทำให้วันนี้ไม่มีใครไม่รู้จักกลุ่มผลิตภัณฑ์ SNAILWHITE ผู้นำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากเมือกหอยทาก ตั้งแต่เริ่มขาย NAMU LIFE SNAILWHITE Facial Cream ในปี 2556 กำไรสุทธิปี 2556-2559 เติบโตเฉลี่ยสูงถึง 210% ต่อปี และด้วยตัวผลิตภัณฑ์ที่เริ่มติดตลาดกล่มลูกค้าจีน ผนวกกับการเพิ่มสินค้าใหม่ และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพสูงเช่น คิง เพาเวอร์

  • SSTRT (ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทรัพย์ศรีไทย) เทรดวันนี้วันแรก สังกัดหมวดอุตสาหกรรมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ มีจำนวน 82 ล้านหน่วย ราคา Par 7.7007 บาทต่อหน่วย ผู้จัดการกองทรัสต์คือ บริษัท เอสเอสที รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ส่วนทรัสตีคือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด

ตามหลักเกณฑ์ราคาสูงสุด-ต่ำสุด (Ceiling and Floor Prices) สำหรับหลักทรัพย์จดทะเบียนเข้าใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้ราคาเสนอซื้อเสนอขายต่ำสุดเท่ากับ 0.01 บาท และสูงสุดไม่เกิน 3 เท่าของราคาเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (ราคา IPO) แต่เนื่องจากหน่วยทรัสต์ของ SSTRT มาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทรัพย์ศรีไทย สมาร์ท สโตเรจ (SSTSS) ในอัตรา 1 SSTSS : 1 SSTRT พร้อมกับจ่ายเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนทุนจำนวนรวม 2.68 บาทต่อหน่วยลงทุนโดยไม่มีการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงกำหนดให้ใช้ราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของหน่วยลงทุน SSTSS หักด้วยเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนทุนเป็นราคาอ้างอิงแทนราคา IPO ในการคำนวณ Ceiling and Floor สำหรับ SSTRT

  • MGT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 3.00 บาท มองว่าที่ราคาปัจจุบันเริ่มน่าสนใจในเชิง Valuation เพราะคิดเป็น PE2561 เพียง 16 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มซื้อขายเคมมีภัณฑ์ในไทยที่ 20 เท่า และ MegaChem สิงคโปร์ที่ 25 เท่า และเมื่อคิดเป็น PEG อิงการเติบโตเฉลี่ยของกำไรต่อหุ้นในปี 2562-2564 ที่ 18% ต่อปี จะอยู่ที่ 0.9 เท่า ขณะที่ ในแง่ของจิตวิทยาการลงทุนระยะสั้นก็เริ่มเป็นบวก จากรายงานยอดนำเข้าเคมีภัณฑ์ในส่วนของตัวเร่งปฏิกิริยา ต.ค.-พ.ย. 60 ที่เพิ่มขึ้นถึง 46% Y-Y และ 28% Y-Y รวมถึง ราคาหุ้น MegaChem สิงคโปร์ที่พุ่งขึ้น 17% ใน 2 เดือนที่ผ่านมา
  • PTT (ยูโอบี เคย์เฮียน) มอง positive biased ราคาน้ำมันในปี 2561 จากเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น, เงินเฟ้อที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น และการเป็นสินทรัพย์ที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายของ Fund Flow เนื่องจากอัตราผลตอบแทนในระดับต่ำของพันธบัตรผลักเงินเข้าหาสินทรัพย์อื่น อีกทั้งราคา PTT ยัง laggard กว่าหุ้นลูกอื่นๆ ส่งผลให้มี upside ที่เริ่มจูงใจ และมี downside จากความผันผวนของตลาดระยะสั้นน้อยกว่า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ