นางจิตรลดา เลขาพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ไอร่า เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2561 สูงสุดอยู่ที่ 1,916 จุด โดยจะสามารถปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดเดิมที่ 1,789 จุดที่ทำไว้ในปี 2537 ตามการขยายตัวเศรษฐกิจในประเทศ โดยในช่วงต้นปีแนะจับตา January Effect บวกกับราคาน้ำมันที่ทรงตัวในกรอบ 55-65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จะเป็นปัจจัยหนุนและส่งผลดีต่อกลุ่มพลังงาน
รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะปรับตัวที่ดีขึ้นตามลำดับ โดยทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) คาดการการเติบโตของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2561 ขยายตัว 4.1% จากปีนี้ที่คาดว่าตัวเลข GDP จะมีการเติบโตประมาณ 3.9% ถือว่าเป็นตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูงสุดนับจากปี 2557 ที่มีการเติบโตเกือบทุกอุตสาหกรรม ทั้งการลงทุนจากภาคเอกชน และภาครัฐ, ตัวเลขการส่งออก โดยตัวเลขส่งออกเดือน พ.ย.60 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 สูงถึง 13.4% และตัวเลข 11 เดือนของปี 2560 ขยายตัวถึง 10% สูงสุดในรอบ 6 ปี ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ที่คาดทำให้ความต้องการดีขึ้น และการใช้จ่ายครัวเรือนปรับตัวดีขึ้น
ส่วนปัจจัยที่ยังคงกดดันภาพรวมการลงทุนในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2560 มาจากกรณีมีแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ขายสุทธิรวมอยู่ที่ 27,468 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดแรงขายอาจชะลอตัวหลังเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุด และคาดได้รับการชดเชยจากสถาบันในประเทศ และค่าเงินสหรัฐฯ ที่คาดมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่า ทั้งจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และความสำเร็จในการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ คาดอาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้า Commodity ที่ซื้อขายในรูปเงินสหรัฐฯ มีราคาลดลง
นอกจากนี้ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในระยะกลาง-ยาว ยังมีปัจัจจัยบวกจากต่างประเทศ อาทิ ความสำเร็จในการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ ม.ค.61 เป็นต้นไป และประเด็นในประเทศจากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่คาดมีแนวโน้มดีขึ้น
ทั้งนี้ แนะนำกลยุทธ์การลงทุน “ซื้อเก็งกำไร" โดยหุ้นที่แนะนำลงทุน ได้แก่ บมจ.ปตท. (PTT) ให้ราคาเป้าหมายปี 2561 ที่ 496 บาท จากผลการดำเนินงานของ PTT ที่มีความมั่นคง คาดปี 2560 กำไรสุทธิ 110,492 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน และคาดเงินปันผลครึ่งปีหลัง 2560 จำนวน 10.0 บาท หลังจากครึ่งปีแรกประกาศจ่ายไปแล้วที่ระดับ 8 บาท/หุ้น