นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า บริษัทจะสามารถสร้างยอดขายในปีนี้ได้ตามเป้าหมาย 40,000 ล้านบาทที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน จากความสำเร็จในการปิดการขายโครงการต่าง ๆ หลังล่าสุดได้ปิดการขายโครงการในจังหวัดหัวเมืองหลักที่เชียงใหม่และภูเก็ต และเตรียมที่จะปิดการขายอีก 2 โครงการในภูเก็ตภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการทำการตลาดที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ขณะที่ยังมีแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ดีคอนโด อย่างต่อเนื่องอีกหลายโครงการ รวมถึงแผนในการพัฒนาโครงการในตลาดต่างจังหวัด อาทิ เชียงใหม่ และ ภูเก็ต ในปี 61 อีกด้วย
"ปีนี้นับว่าบริษัทประสบความสำเร็จในตลาดต่างจังหวัดและได้รับการตอบรับที่ดีในคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ราคา 1-3 ล้านบาท จากการที่ทุกโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ ตอบโจทย์การอยู่อาศัยทั้งจากกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุน ประกอบกับแสนสิริก็สามารถทำการตลาดที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วย...จากความสำเร็จในการปิดการขายโครงการต่าง ๆ ในช่วงปลายปียังทำให้มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมาย 40,000 ล้านบาทที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน"นายอุทัย กล่าว
นายอุทัย กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทประสบความสำเร็จในการปิดการขายโครงการในจังหวัดหัวเมืองหลักที่เชียงใหม่และภูเก็ต ได้แก่ โครงการ ดีคอนโด พิงค์ เชียงใหม่ จำนวน 687 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท ที่สามารถปิดการขายหลังเปิดการขายเพียง 6 เดือน ทั้งนี้ แบรนด์ดีคอนโดนับเป็นแบรนด์คอนโดมิเนียมที่ได้รับการตอบรับที่ดีมาอย่างต่อเนื่องในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะทำเลบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ติดเซ็นทรัล เฟสติวัล ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วยโครงการดีคอนโดที่ปิดการขายแล้วจำนวนถึง 3 โครงการ ได้แก่ ดีคอนโด ซายน์, ดีคอนโด นิม และล่าสุด ดีคอนโด พิงค์จำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า 2,000 ยูนิต บนพื้นที่ติดกันกว่า 30 ไร่ ซึ่งเปรียบเสมือนพื้นที่คอมมูนิตี้ส่วนตัวของลูกบ้านจากวิสัยทัศน์ของแสนสิริในการคัดสรรทำเลศักยภาพในการพัฒนาโครงการมาโดยตลอด
นอกจากนี้ยังได้ปิดการขาย โครงการ เดอะ เดค ป่าตอง คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท ทำเลใจกลางป่าตองมูลค่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าในตลาดที่พักอาศัยในรูปแบบฮอลิเดย์โฮมในทำเลท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ทั้งจากลูกค้าชาวไทยที่ซื้อเพื่อการลงทุนในตลาดปล่อยเช่าที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 4-5% จากอัตราเช่าโครงการในทำเลติดหาดป่าตองในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 50,000-70,000 บาท/เดือน รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เดินทางเข้ามาทำงานหรือเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่และพักผ่อนอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้โครงการประสบความสำเร็จปิดการขายในที่สุด ด้วยสัดส่วนกลุ่มลูกค้าไทย 51% และต่างชาติ 49% ซึ่งนับว่าได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติสูงจนเต็มโควตาการขายตลาดต่างชาติ
นอกจากนี้บริษัทยังวางเป้าหมายในการปิดการขายอีก 2 โครงการคอนโดมิเนียมในภูเก็ต ได้แก่ เดอะ เบส ไฮท์- ภูเก็ตและโครงการเดอะ เบส อัพทาวน์-ภูเก็ต มูลค่า 2 โครงการรวม 2,100 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2560 นี้อีกด้วย
นายอุทัย กล่าวว่า บริษัทยังได้เปิดการขายโครงการ ดีคอนโด แคมปัส กำแพงแสน มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการรุกพัฒนาโครงการในทำเลใหม่ กำแพงแสน จังหวัดนครปฐมเป็นครั้งแรก สามารถสร้างยอดขายโครงการได้แล้วถึง 50% ในช่วงเปิดพรีเซลล์เพียง 2 วัน ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จากจำนวนทั้งสิ้น 767 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท มีราคาขายเริ่มต้นที่ 1.39 ล้านบาท นับเป็นความสำเร็จอีกครั้งในการพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ ดีคอนโด
โดยเหตุผลหลักที่กลุ่มลูกค้าให้การตอบรับโครงการมาจากการเป็นคอนโดมิเนียมคุณภาพ ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง ติดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสน รวมทั้งมีแผนที่จะขยายมหาวิทยาลัยฯ เพิ่มเติมในอนาคต ส่งผลให้โครงการได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทั้งจากกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและกลุ่มนักลงทุนที่เล็งเห็นศักยภาพของโครงการ ให้ความสำคัญกับทำเลและคุณภาพโครงการและมีความพร้อมด้านการเงิน ประกอบกับการที่แสนสิริได้เจาะตลาดที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จึงทำให้โครงการได้รับการตอบรับที่ดีในที่สุด