นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวในแดนบวกได้ โดยดัชนีฯคงจะแกว่งตัวในกรอบ 1,744-1,760 จุด แม้ภาพรวมของตลาดฯอาจจะมีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มที่ได้ปรับตัวขึ้นไปแล้ว แต่ก็อาจจะได้แรงดันจากหุ้นที่ยังขึ้นน้อยอยู่
ทั้งนี้ มองวันนี้หุ้นในกลุ่มสื่อสารน่าจะปรับตัวขึ้นได้ดี จากที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เห็นควรขยายระยะเวลาการผ่อนชำระเงินค่างวดใบอนุญาตคลื่น 900 MHz ได้ ทำให้ภาระลดน้อยลงไปพอควร นอกจากนี้ยังเห็นชอบแผนธุรกิจใช้คลื่น 2300 MHz ระหว่างบมจ.ทีโอที และบริษัทลูกของ DTAC
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก โดยเวลานี้ต่างประเทศต่างก็เข้าสู่ช่วงวันหยุดระยะยาวตามเทศกาลแล้ว
พร้อมให้จับตากลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ ได้มีปัจจัยลบจากราคาทองคำ และราคาทองแดงที่เป็นต้นทุนของกลุ่มฯ ได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า และเงินบาทแข็งค่าก็เป็นปัจจัยกดดันต่อความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ด้วย
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 ธ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,774.30 จุด เพิ่มขึ้น 28.09 จุด (+0.11%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,682.62 จุด เพิ่มขึ้น 2.12 จุด (+0.08%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,939.34 จุด เพิ่มขึ้น 3.09 จุด (+0.04%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.84 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.49 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 87.13 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 26.62 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.64 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.06 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.19 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 15.92 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ธ.ค.60) 1,752.89 จุด เพิ่มขึ้น 0.41 จุด (+0.02%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 498.73 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 ธ.ค.60) ปิดที่ระดับ 59.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 ธ.ค.60) ที่ 7.17 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.78 แข็งค่าจากวานนี้หลังมีแรงเทขายดอลลาร์ คาดกรอบวันนี้ 32.70-32.85
- กกพ.ระบุแนวโน้ม ค่าเอฟที งวดที่ 2 ช่วงเดือนพ.ค.-ส.ค.61 ทรงตัวต่อเนื่องจากงวดแรก ช่วงเดือนม.ค.-เม.ย.61 หลังต้นทุนค่าเชื้อเพลิง ปรับขึ้นไม่มาก เงินบาทแข็งค่า ส่วนงวดสุดท้ายช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค.61 ต้องรอผลรื้อโครงสร้างค่าไฟฐานใหม่ พร้อมทบทวนค่าบริการในบิลค่าไฟรายเดือนใหม่
- ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ได้มีการจัดทำระเบียบ PPP EEC Track เพื่อขับเคลื่อน 5 โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ให้สำเร็จตามแผนพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) วงเงินรวม 6.08 แสนล้านบาท
- รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังพิธีลงนามในสัญญาโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) จำนวน 489 คัน ระหว่างองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO ซึ่งเป็นกิจการค้า ร่วมค้าระหว่างบริษัท สแกน อินเตอร์ (SCN) และบริษัท ช ทวี (CHO) มูลค่า 4,261 ล้านบาท ว่า กระบวนการจัดหาและการคัดเลือกบริษัทเอกชนได้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ โดยสุจริตและถูกต้อง รวมถึงการเชิญผู้สังเกตการณ์ จากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เข้าร่วมกระบวนการทุกครั้ง โดยล็อตแรก 100 คันจะส่งมอบเดือน มี.ค. 2561
- คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ยกเว้นภาษีตามประมวลรัษฎากร ตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวและจัดอบรมสัมมนาในจังหวัดท่องเที่ยวรอง เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวและจัดอบรมสัมมนาในจังหวัดท่องเที่ยวรอง โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี บริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ได้จัดให้มีการอบรมสัมมนา สามารถหักรายจ่ายได้ 2 เท่า
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดสินเชื่อบัตรเครดิตปี 61 ฟื้นตัวดีขึ้นเติบโต 6.5-8.0% จำนวนบัญชีบัตรเพิ่ม 6.0-7.5% รับผลจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่โตต่อเนื่อง แต่ก็ส่งผลให้การแข่งขันดุเดือดขึ้น ชี้กลุ่มลูกค้าระดับบนได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่แคมเปญโดนใจยังเป็น 0%
- ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 (ต.ค.-พ.ย. 2560) ว่า รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 3.4 แสนล้านบาท ขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 6.78 แสนล้านบาท รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 1.12 แสนล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 2.16 แสนล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- SUN (บมจ. ซันสวีท) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยราคาขาย IPO หุ้นละ 5.85 บาท ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาเป้าหมายปี 2561 เท่ากับ 7.3 บาท คาดกำไรสุทธิปี 2560-2561 โต 25% Y-Y และ 32.7% Y-Y ตามลำดับ ปัจจัยหนุนการเติบโตปี 2561 มาจากความต้องการที่สูงในต่างประเทศ, การฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ รวมถึงแผนขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร
บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวโพดหวานแปรรูป ทั้งในรูปแบบกระป๋อง แช่แข็ง และบรรจุถุงสูญญากาศ ส่วนใหญ่เป็นการขายส่งออกสัดส่วนราว 81.83% ของรายได้รวม โดยขายไปมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ในขณะที่ราคาวัตถุดิบข้าวโพดหวานมีความผันผวนค่อนข้างต่ำ กอปรกับการปรับ Product Mix เพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรดี และการให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยควบคุมการปลูกข้าวโพดหวานผ่านโครงการ Smart Farming ส่งผลให้บริษัทฯสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี และหนุนให้อัตรกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ
- AAV (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 7.30 บาท นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ CEO และถือหุ้น AAV อยู่ 5% ซื้อหุ้น AAV คืนจากกลุ่มนายวิชัย ศรีวัฒนประภา 1,761.6 ล้านหุ้น หรือ 36.3% ของทุนชำระแล้ว ในราคาหุ้นละ 4.70 บาท ทำให้นายธรรศพลฐ์จะถือหุ้น AAV เพิ่มเป็น 41.3% ใกล้เคียงสัดส่วนเดิมก่อนจะขายให้กลุ่มนายวิชัยกลางปีก่อน (กลุ่มคุณวิชัยจะเหลือ 3.5%) และต้องทำ Tender offer หุ้นที่เหลือทั้งหมด ที่หุ้นละ 4.70 บาท จึงมองเป็นข่าวบวกต่อ AAV ในแง่ที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ เพราะในช่วง พ.ค. ปีก่อนที่เริ่มมีข่าวว่านายธรรศพลฐ์จะขายหุ้น ราคาหุ้นร่วง 11% ภายในเวลา 2 สัปดาห์และใช้เวลาเดือนเศษจึงกลับมาระดับเดิม ในแง่พื้นฐาน AAV เป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มสายการบินอยู่แล้ว จากความสามารถในการกระจายตลาดและศักยภาพการทำกำไรที่แข็งแกร่งที่สุด
- SPALI (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 26.80 บาท นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ เชื่อว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพยืปี 2561 จะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2560 โดยยอดขายปี 2560 ของ SPALI มีโอกาสสูงกว่าเป้าหมายที่ 27.0 พันล้านบาท หลังจากยอดขาย 9 เดือนทำสถิติถึง 25.1 พันล้านบาท ขณะที่การโอนกรรมาสิทธิที่ดีต่อเนื่องทำให้คาดรายได้ไตรมาส 4/2560 จะสูงกว่าระดับ 6.3 พันล้านบาท ที่ทำได้ในช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ backlog ปัจจุบันที่มากกว่า 40.0 พันล้านบาท จะเป็นส่วนสนับสนุนสำคัญต่อการเติบโตในปี 2561-2564 ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวถือว่าเป็นไปในทิศทางและระดับเดียวกับที่คาด
- BEM (หยวนต้าฯ) "ซื้อ" ด้วย 3 เหตุผล 1) รมว. คมนาคมเผยมีแผนขยายเส้นทางเดินรถสีม่วงใต้อีก 20 กม. คาดได้ข้อสรุปใน Q2/61 สร้างโอกาสรับจ้างการเดินรถให้กับ BEM จากข้อได้เปรียบที่เป็นผู้บริหารรถเส้นสายสีม่วงเหนือในปัจจุบัน 2) โอกาสปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน 3 บาท/เที่ยว ใน ก.ค. 2561 คิดเป็นมูลค่าเหมาะสมส่วนเพิ่ม 0.50 บาท/หุ้น ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ และ 3) คาดผลการดำเนินงาน Q4/60 โตโดดเด่น หนุนจากสถิติล่าสุด (พ.ย. 2561) ผู้โดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน กลับมาโตในอัตราเร่ง (+11% YoY) และผู้ใช้รายวันเฉลี่ยทางด่วน SOE ทำระดับสูงสุดต่อเนื่อง (+28% YoY)