SUN ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 5.35 บาท ต่ำกว่าราคาขาย IPO 8.55%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 28, 2017 12:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น SUN ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 5.35 บาท ลดลง 0.50 บาท (-8.55%) จากราคาขาย IPO ที่ 5.85 บาท/หน่วย มูลค่าซื้อขาย 492.03 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 5.85 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 5.85 บาท และราคาลงต่ำสุด 5.25 บาท

นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะผู้รับรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรกของบมจ.ซันสวีท (SUN) กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาเปิดการซื้อขายของหุ้น SUN ที่เท่ากับราคาเสนอขาย IPO และค่อย ๆ ปรับตัวลดลงนั้นไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เพราะในช่วงที่เปิดจองซื้อหุ้นนักลงทุนให้ความสนใจและให้การตอบรับที่ดี โดยมองว่าการกำหนดเสนอขายราคาหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ 5.85 บาท/หุ้น เป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของหุ้น SUN เพราะเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างมีศักยภาพและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ด้านนายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ SUN กล่าวว่า หุ้น SUN เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ซึ่งเหมาะกับการลงทุนในระยะกลางและระยะยาว ซึ่งมองว่าราคาหุ้น SUN ในช่วงเปิดการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้ราคาบนกระดานเปิดมาเท่ากับราคาเสนอขาย IPO และมีการปรับตัวลดลง อาจจะเป็นเพราะเป็นช่วงท้ายปีที่การลงทุนในตลาดหุ้นไม่คึกคักมากนัก

อย่างไรก็ตามมองว่า SUN ยังมีความน่าสนใจในระยะกลางถึงระยะยาว จากการเติบโตของธุรกิจที่มีการขยายทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 10% รวมถึงมีภาระหนี้ที่ต่ำ และมองว่าในไตรมาส 4/60 จะยังคงเห็นการเติบโตของกำไรสุทธิได้ต่อเนื่อง ซึ่งผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่าออกมาดีโดยมีกำไรสุทธิเท่ากับทั้งปี 59 ที่ 110 ล้านบาท

ส่วนนายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซันสวีท (SUN) เปิดเผยว่า ราคาหุ้นที่เปิดมาเท่ากับราคาเสนอขาย IPO และได้ปรับตัวลดลง อาจจะเป็นเพราะหุ้นเข้าซื้อขายในช่วงท้ายปี ซึ่งการซื้อขายไม่ค่อยคึกคักมากนัก แต่อยากให้นักลงทุนมั่นใจว่าจะเห็นการเติบโตของ SUN อย่างต่อเนื่อง และนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน ซึ่งบริษัทเตรียมพิจารณาจ่ายเงินปันผลในงวดผลการดำเนินงานปี 60 ซึ่งเตรียมจะนำเรื่องการจ่ายเงินปันผลเข้าไปอยู่ในวาระการประชุมผู้ถือหุ้นในปี 61 โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษี ซึ่งมั่นใจว่านักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า

ขณะที่ด้านผลการดำเนินงานในปี 61 คาดว่ารายได้จะเติบโต 10% จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท และคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะมากกว่า 8% จากปีนี้ที่คาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ในช่วง 7-8% เนื่องจากบริษัทได้นำเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยในการผลิต ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง รวมถึงแผนการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้ามากขึ้น และการเพิ่มผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Ready to eat เพื่อจำหน่ายในร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้น ซึ่งให้มาร์จิ้นดี

อีกทั้งบริษัทยังได้มีการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ทำประกันป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 70% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 50-60% พร้อมกับการนำเงินที่ได้จากการเสนอขาย IPO จำนวน 50 ล้านบาท ไปใช้คืนหนี้ระยะยาวที่กู้ยืมสถาบันการเงิน ซึ่งช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่ายได้ โดยบปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินที่เป็นเงินกู้ยืมสถาบันการเงินทั้งหมด 400-500 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ระยะยาวกว่า 100 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นหนี้ระยะสั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ