นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวทิศทางเป็นบวกจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะอุปสงค์ของภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนเร่งตัวขึ้น ขณะที่คาดว่าการไถ่ถอน LTF ที่ครบกำหนดค่อนข้างจำกัด ตามสถิติที่ผ่านมาไม่ได้กดดันต่อภาพรวมการลงทุนมากนัก อีกทั้งราคาน้ำมันที่ยังสูงเป็นบวกต่อกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย ส่วนภาพรวมต่างประเทศเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐบวก แต่ฝั่งยุโรปอ่อนตัวลง ด้านตลาดเอเชียเช้านี้แกว่งตัวบวก-ลบกรอบแคบ ให้แนวรับตลาดหุ้นไทยที่ 1,740 จุด และแนวต้านที่ 1,763-1,765 จุด
นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนของดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบจำกัด แต่มีทิศทางเป็นบวก จากตัวเลขเศรษฐกิจของไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะอุปสงค์ภายในประเทศของภาคเอกเชนทั้งการบริโภคและการลงทุนที่เร่งตัวขึ้น รวมถึงตัวเลขส่งออกเดือนพ.ย.ที่ปรับตัวขึ้น
สำหรับการไถ่ถอนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ครบกำหนดในปีนี้คาดว่าจะมีค่อนข้างจำกัด แม้ว่าในปีนี้จะมี LTF ที่ครบกำหนดไถ่ถอนราว 45,500 ล้านบาท โดยมีต้นทุนที่ดัชนีระดับกว่า 1,400 จุด ปรับขึ้นราว 24% เมื่อเทียบกับระดับดัชนีในปัจจุบัน แต่ตามสถิติที่ผ่านมาแรงขาย LTF ในช่วงต้นปีจะอยู่ที่ราวกว่า 10,000 ล้านบาทเท่านั้น
ส่วนภาพรวมการลงทุนต่างประเทศเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นในแดนบวก แต่ฝั่งยุโรปอ่อนตัวลง ด้านตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้แกว่งตัวบวกลบในกรอบไม่มากนัก ขณะที่ยังต้องติดตามการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าวันสุดท้ายของปี 60 จะกลับเข้ามาซื้อสุทธิกว่า 2,300 ล้านบาทก็ตาม เพราะส่วนหนึ่งอาจจะเป็นการปรับพอร์ตตามการปรับหุ้นเข้า-ออกในดัชนี SET50 และ SET100 สำหรับการคำนวณช่วงครึ่งปีแรกของปี 61 อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับที่สูง ก็จะยังเป็นบวกต่อการลงทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,740 จุด และแนวต้านที่ 1,763-1,765 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,824.01 จุด เพิ่มขึ้น 104.79 จุด (+0.42%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,695.81 จุด เพิ่มขึ้น 22.20 จุด (+0.83%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,006.90 จุด เพิ่มขึ้น 103.51 จุด (+1.50%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.59 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 143.42 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 48.88 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.40 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.09 จุด ,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.98 จุด
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุด (Exchange Holiday)
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 ธ.ค.60) 1,753.71 จุด เพิ่มขึ้น 10.42 จุด (+0.60%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,340.64 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 ม.ค.) ปิดที่ระดับ 60.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 5 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ม.ค.) ที่ 6.50 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.43 แข็งค่าสุดในรอบ 33 เดือนหลังมีแรงเทขายดอลลาร์ คาดกรอบวันนี้ 32.40-32.50
- สศช.ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 61 โต 4.1% จากปัจจัยทั้งภายใน-นอกประเทศ มองแนวโน้มลงทุนเอกชนเริ่มมา ดึงการจ้างงานกลับภาวะปกติ ขณะ"ทีดีอาร์ไอ"ฟันธงเศรษฐกิจ โตยกแผง 4 เครื่องยนต์หลักขยายตัวพร้อมกัน ด้าน "นักเศรษฐศาสตร์"มองปีนี้การเติบโตกระจายตัวมากขึ้น
- สภาผู้ส่งออก-หอการค้าประสานเสียง ส่งออกปี 61 โตต่อเนื่อง สภาผู้ส่งออกฯ ประเมินโต 5% หอการค้าคาดโต 4-6% อานิสงส์เศรษฐกิจโลกฟื้นต่อเนื่อง ดันความต้องการสินค้าเพิ่ม ชี้สินค้าหมวดไอโอที-อาหารแปรรูป สร้างมูลค่าเพิ่ม-สินค้าเกาะเทรนด์สุขภาพมาแรง ยังห่วงบาทแข็งฉุดกำไร
- แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภายหลังสหรัฐไม่เสนอโครงการต่ออายุสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ที่ได้หมดอายุลงเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2560 ต่อสภาคองเกรสสหรัฐ ทำให้สินค้า 3,500 รายการ ที่สหรัฐให้สิทธิ จีเอสพีกับประเทศด้อยพัฒนาและประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงประเทศไทยที่ได้รับสิทธิประมาณ 3,400 รายการ ต้องนำเข้าสินค้าผ่านด่านศุลกากรสหรัฐ โดยชำระภาษีในอัตราปกติตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2561 เป็นต้นไป
- ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ รายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 ณ สิ้นเดือน พ.ย.60 ซึ่งเป็นเดือนที่ 2 ของปีงบประมาณ ปรากฏว่าภาพรวมมีการเบิกจ่ายแล้ว 6.35 แสนล้านบาท หรือ 21.9% ของงบประมาณทั้งสิ้น 2.9 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ต้องเบิกจ่าย 20.93%
- คลังเสนอมาตรการเพิ่มรายได้อุ้ม"คนจน"เข้าที่ประชุม ครม.วันนี้ ตามแผนงานเฟส 2 วางเป้าให้หายจน ประเดิมกลุ่มรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท/ปี เพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนบาท 'ดีอี'เผยรายละเอียด'สมาร์ทซิตี้'ประเดิมปี 61 พัฒนา 7 หัวเมืองเหนือจรดใต้
- ธปท.สั่งแบงก์ทดสอบใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 ปีหน้า พร้อมรายงานผลสิ้นมิ.ย.61 ดูผลกระทบรอบด้านก่อนออกเกณฑ์ใช้จริงปี62 "ไทยพาณิชย์" ชี้มาตรฐานบัญชีใหม่ต้องกันสำรองเพิ่ม กระทบเรื่องการบันทึกรายได้และการจ่ายภาษีที่ยังไม่ชัดเจน
- ธปท.เปิดเผยถึงแผนยุทธศาสตร์การทำงาน ในช่วงปี 60-62 ว่ามีพันธกิจจะมุ่งเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจการเงินที่มีเสถียรภาพและมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและทั่วถึงใน 3 ด้าน คือ 1.ด้านเสถียรภาพการเงิน เสถียรภาพ ระบบสถาบันการเงิน และเสถียรภาพการชำระเงิน 2.ด้านการพัฒนาระบบการเงิน การเชื่อมโยงกับต่างประเทศ ส่งเสริมการใช้เงินสกุลท้องถิ่นกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค รวมถึงส่งเสริมการ เข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึงเป็นธรรมและยั่งยืน และ 3.เสริมสร้างความเข้มแข็งภายในองค์กร การจัดทำระบบและวิเคราะห์ข้อมูล
- กกพ.เผยทิศทางค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ปี 61 โดยเฉพาะงวดแรกของปี (ม.ค.-เม.ย.61) ที่ กกพ.ได้ประกาศตรึงค่าเอฟทีไว้คงเดิมที่ ติดลบ 15.90 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเรียกเก็บรวมค่าไฟฟ้าฐานอยู่ที่ 3.5966 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแวต) ขณะที่งวดต่อไปคือ พ.ค.-ส.ค.61 หากดูทิศทางราคาก๊าซธรรมชาติที่สะท้อนจากราคาน้ำมัน ไม่ต่างจากงวดแรกมากนักขณะเดียวกันยังมีเงินเหลือจากการบริหารจัดการของงวดแรกปี 61 อีก 5,000 ล้านบาท
*จับตาหุ้นเด่น
-MONO (ไอร่า) ราคาเป้าหมาย 5.30 บาท คาดผลงานปี 60 พลิกฟื้นกลับมามีกำไรสุทธิ 175 ล้านบาท หลังขาดทุนต่อเนื่อง 3 ปี และคาดปี 61 กำไรสุทธิ 326 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปี 60 ทั้งนี้ คาดรายได้ค่าโฆษณาของ MONO ยังมีศักยภาพในการเติบโต จากอัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยต่อนาทีของ MONO29 ที่ยังคงถือว่าค่อนข้างถูก ในมุมของผู้เช่าเมื่อเปรียบเทียบกับอันดับ 3 อย่าง “Workpoint TV" ซึ่งค่าโฆษณาเฉลี่ยต่อนาทีสูงกว่าเท่าตัว ขณะที่ MONO ควบคุมต้นทุนค่อนข้างคงที่แล้ว นอกจากนี้ยังได้รับประโยชน์จากการที่ กสทช.มีมติเห็นชอบลดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต Digital TV ลงเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ คาดส่งผลให้ MONO มีค่าใช้จ่าย ลดลงประมาณ 20 ล้านบาท จากสัดส่วนรายได้ราว 2 ใน 3 จากธุรกิจทีวีดิจิตอล
-ADVANC (ฟันันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 220 บาท โดยคาดกำไรปกติ Q4/60 โตแข็งแกร่ง +1.3% Q-Q, 16.5% Y-Y ส่วนทั้งปี 60 คาด -4.9% Y-Y ก่อนจะกลับมาโตครั้งแรกในรอบ 3 ปี +9.6% Y-Y ในปี 61 จากการลงทุนที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว การแข่งขันที่คาดว่าจะไม่รุนแรงกว่าเดิม และการขยายตลาด Enterprise
- NYT (เอเอสแอล) แนะ"ซื้อ"มูลค่าเหมาะสมเฉลี่ยที่ 6.95 บาท โดยมองว่าจะได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจทั้งใน-ต่างประเทศที่ยังเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลบวกโดยตรงต่อหุ้นกลุ่มท่าเรือขนาดเล็ก ซึ่ง NYT มี Catalyst จาก (1) ตัวเลขผลิตรถยนต์ที่ยังเร่งตัวขึ้น ยอดส่งออกรถยนต์ พ.ย.60 เพิ่มขึ้น 21.0% YoY (2) บริษัทเป็นผู้นำและมีส่วนแบ่งตลาดเป็นเบอร์หนึ่งในประเทศ (3) มุมมองบวกต่อที่ดินในเขต EEC รับรู้รายได้ค่าเช่า และ (4) บริษัทยังได้ประเด็นบวกจากโครงการรัฐที่หนุนผลิตรถยนต์ Hybrid หนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ต่อเนื่อง ราคาหุ้นปัจจุบัน Laggard กลุ่มไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่ใกล้เคียงกันอย่าง WICE รวมไปถึง PORT ซึ่งปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดไปแล้ว ขณะที่เงินปันผลยังโดดเด่นเฉลี่ยกว่า 4.6% สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมและตลาด