บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) เปิดเผยแผนขับเคลื่อนธุรกิจว่า ในปี 61 ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 4,400 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 4,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นราว 15% จากปีก่อน
"เชื่อมั่นว่าจะขยายตัวได้สูงกว่าภาพรวมของตลาด ติดต่อกันเป็นปีที่ 3"นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการ ของ LALIN กล่าว
ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 8-10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,500-5,000 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัดในส่วนของหัวเมืองหลัก และหัวเมืองชั้นรอง แบ่งสัดส่วนทำเลออกเป็น โซนกรุงเทพฯและปริมณฑล 75-80% และในทำเลต่างจังหวัด 20-25%
ขณะที่บริษัทวางงบซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ได้มาจากการการโอนโครงการต่างๆ และส่วนหนึ่งมาจากการออกหุ้นกู้ ซึ่งจะพิจารณาออกในจำนวนและช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้สอดรับกับการขยายธุรกิจ
นายไชยยันต์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ราว 1,000-1,200 ล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเดิมราว 960 ล้านบาท และเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้บริษัท อัตราดอกเบี้ยราว 3.2% โดยคาดว่าจะทยอยออกในช่วงเดือน เม.ย.61 ปัจจุบันบริษัทได้รับการจัดอันดับจากทริสเรทติ้งอยู่ในระดับ BBB+ ซึ่งบริษัทมีแผนรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) ให้ไม่เกิน 1 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.8-0.9 เท่า ต่ำกว่าตลาดอุตสาหกรรมที่อยู่ราว 1.3-1.4 เท่า
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนการลดยอดปฏิเสธสินเชื่อจากปัจจุบัน 20% ให้เหลือราว 10% มองว่าปัจจุบันมีการบริโภคภาคประชาชนที่ดีขึ้น อีกทั้งมีหนี้ครัวเรือนที่ลดลง โดยบริษัทจะใช้ระบบการบริหารเพื่อทำการคัดกรองลูกค้าก่อนส่งมอบด้วย และในช่วงไตรมาส 3-4/60 ที่ผานมายอดปฏิเสธสินเชื่อมีทิศทางที่ดีขึ้น
นายไชยยันต์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 61 ยังคงมีสัญญาณบวก คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ดีขึ้นเล็กน้อยจากปี 60 ที่ขยายตัวราว 3.8-3.9% โดยการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้จะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการส่งออกที่คาดว่าจะยังคงขยายตัวได้ดี นอกจากนี้จะมีเม็ดเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเม็ดเงินจากการลงทุนของภาครัฐที่จะเริ่มทยอยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น กอปรกับการคาดการณ์ว่าจะมีการจัดการเลือกตั้งในช่วงปลายปี 61 หรือต้นปี 62 ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นแรงส่งช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยให้ตัวเลขการบริโภคและการลงทุน ขยายตัวได้ดีขึ้นในระยะต่อไป
สำหรับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ดีขึ้นจากปีก่อน โดยมีปัจจัยบวกมาจากทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศและการลงทุนของภาครัฐ นอกจากนี้ภาพรวมของตัวเลขหนี้สินภาคครัวเรือนต่อจีดีพีที่เริ่มค่อย ๆ ปรับตัวลดลง จะช่วยให้กำลังซื้อปรับดีขึ้น ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยในประเทศยังคงทรงตัวในระดับต่ำ แม้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐมีความเป็นไปได้ที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกราว 3 ครั้งในปี 61 นี้ โดยมองว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งเป็นตลาด Real Demand จะยังคงขยายตัวได้ราว 5-7% สำหรับอาคารชุด อาจต้องระมัดระวังบาง Sector และในบางทำเล ซึ่งอาจเริ่มเห็นสัญญาณ Over Supply บ้าง
ด้านนายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ LALIN กล่าวว่า ในปี 61 บริษัทปรับกลยุทธ์การดำเนินงานในเชิงรุกเพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ไว้วางใจ ลลิล มากว่าสามทศวรรษ และบริษัทฯยังคงมุ่งสู่ความเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่บริษัทมีความชำนาญ ทั้งแนวความคิด การวางคอนเซ็ปต์ ความคุ้มค่าในการอยู่อาศัย และการเลือกทำเลศักยภาพ ตอบโจทย์ด้านไลฟ์สไตล์และราคา และเน้นการทำ Digital Marketing และ CRM Strategy