นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะพักฐานต่อ เนื่องจากในทางเทคนิคดัชนีฯยังไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,800 จุดได้ แม้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับตัวขึ้นกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ และราคาน้ำมันก็ปรับขึ้นด้วย แต่ Bond yield ของสหรัฐฯอายุ 10 ปี ทะลุ 2.5% แล้ว ทำให้ต้องระวังแรงขายที่อาจจะออกมาในตลาดหุ้นทั่วโลกได้ อีกทั้งจะต้องติดตามอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯจะปรับขึ้นเร็วหรือไม่
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นยังให้ Sentiment บวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานได้ ซึ่งก็น่าจะช่วยประคองให้ตลาดฯแข็งแกร่งได้เช่นกัน แม้ว่าจะมีแนวโน้มของการพักฐานอยู่
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมาอยู่ในแดนบวก แต่ขณะนี้เริ่มที่จะพักฐาน พร้อมให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีน และในปลายสัปดาห์นี้ก็จะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์แล้ว
พร้อมให้แนวรับ 1,785 จุด ส่วนแนวต้าน 1,800 / 1,810 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 ม.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,385.80 จุด พุ่งขึ้น 102.80 จุด (+0.41%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,751.29 จุด เพิ่มขึ้น 3.58 จุด (+0.13%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,163.58 จุด เพิ่มขึ้น 6.19 จุด (+0.09%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 17.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.21 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 2.17 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 0.43 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 6.10 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.89 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.95 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 9.47 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ม.ค.61) 1,795.21 จุด เพิ่มขึ้น 2.40 จุด (+0.13%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 360.16 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ม.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 ม.ค.61) ปิดที่ระดับ 62.96 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 ม.ค.61) ที่ 5.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดทรงตัวที่ 32.24 หลังมี Flow ไหลเข้าตลาดบอนด์ คาดมีโอกาสกลับมาแข็งค่า
- บอร์ดค่าจ้าง ประชุมร่วมกกร.ถกอัตราขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันนี้ ก่อนชงตัวเลขเสนอครม. นายกฯแจงไม่ก้าวล่วงขอให้รอบคอบ ขณะกกร.ย้ำจุดยืน ต้องไม่ปรับเท่ากันทุกจังหวัด นำตัวเลขเศรษฐกิจแต่ละจังหวัดเป็นฐานคำนวณ ห่วงกระทบศักยภาพแข่งขัน
- สภาผู้ส่งออก เตรียมตบเท้าพบผู้ว่าแบงก์ชาติ จี้ใช้ยาแรงสกัดเงินไหลเข้า คุมออกพันธบัตร-สกรีนเงินร้อนเข้ามาระยะสั้น หลังค่าบาทผันผวน แข็งค่าหนักจาก 33 บาทต่อดอลล์ เป็น 32 บาทต่อดอลล์ใน 1 สัปดาห์ ฉุดรายได้ส่งออก ห่วงกระทบลูกโซ่เศรษฐกิจ ขณะนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่องในตลาดพันธบัตร เผยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันมียอดซื้อรวมกว่า 5.7 หมื่นล้านบาท
- กรมธนารักษ์ จะเริ่มเปิดให้เอกชนซื้อเอกสารเสนอโครงการลงทุนและแผนพัฒนาพื้นที่ใน 3 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.-9 ก.พ. 2561 และต้องยื่นเอกสารประมูลภายในวันที่ 15 พ.ค. 2561
- องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มีแผนปรับฐานราคาค่ารถโดยสารสาธารณะ (รถเมล์) ตามแผนฟื้นฟูองค์กร โดยจะเสนอปรับราคาเพิ่มขึ้น 2 บาท จากเดิมราคา 6.50 บาท เป็นเฉลี่ย 8.50-9 บาท หรือคิดเป็น 30%
- กพท.เตรียมชง กบร.หั่นเพดานค่าตั๋วเครื่องบินโลว์คอสต์ เหลือ ไม่เกิน 9.40 บาทต่อ กม. จากเดิม 13 บาทต่อ กม. หวังเพิ่มความยุติธรรมให้ผู้โดยสาร จากการให้บริการที่แตกต่าง ชี้สายการบิน ไม่กระทบเพราะส่วนใหญ่ขายบัตรไม่เต็มเพดาน อยู่แค่ 5 บาท/กม. เตรียมเสนอ กบร.เห็นชอบก่อนออกเป็นประกาศคมนาคม
- สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ(สรท.) เล็งการส่งออกไทยปี 61 ยังขยายตัว 5.5% พร้อมห่วงค่าเงินบาทฉุดการเติบโตการส่งออกและจีดีพี ด้านสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีฯ คาดทั้งปีส่งออกแตะ 5 แสนล้านบาท ผนึกพาณิชย์สร้างอาชีพช่างอัญมณี
*หุ้นเด่นวันนี้
- KTB (ทรีนีตี้) "ซื้อเมื่ออ่อนตัว"เป้า 21 บาท คาดกำไร Q4/60 ที่ 6,396 ล้านบาท ฟื้นตัว 9%QoQ แต่ยังลดลง 14%YoY ปัจจัยหนุนหลักคาดว่ามาจากสำรองหนี้ที่ลดลง เนื่องจากในไตรมาสก่อนมีการตั้งสำรองส่วนเกินเพื่อรองรับ IFRS 9 ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมของ Mutual Fund และ Bancassurance อาจเติบโตได้ดีในช่วงปลายปี แต่สินเชื่อยังค่อนข้างทรงตัวทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโตไม่มาก พร้อมคาดปี 61 ไม่มีสำรองจากลูกหนี้รายใหญ่ทำให้กำไรฟื้นตัวได้ แต่ราคาหุ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีปรับตัวขึ้นมาทำให้ Upside เริ่มจำกัด
- CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 86 บาท คาดกำไร Q4/60 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 5.2 พันล้านบาท +4.9% Q-Q, +21.2% Y-Y โดยคาด SSSG จะฟื้นตัวต่อเนื่องอยู่ที่ 4%-5% Y-Y จากฐานที่ต่ำ, ผลสำเร็จของ Stamp Promotion และได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นราคาสินค้าของกลุ่มบุหรี่และเครื่องดื่ม รวมถึงคาดยังรักษาระดับความสามารถทำกำไรได้แข็งแกร่งต่อเนื่อง และบริษัทยังได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อ และมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐ ทั้งจากจำนวนสาขาที่มากกว่า 1 หมื่นสาขา และสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค โดยคาดกำไรสุทธิปี 2560-2561 เติบโต 17.5% Y-Y และ 19.4% Y-Y ตามลำดับ
- HMPRO (ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 15 บาท เชื่อว่าอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (SSSG) ในปี 61 ของ HMPRO จะเป็นบวกได้ หลังการบริโภคไทยเติบโตดีขึ้น โดยงวด Q3/60 SSSG สามารถเป็นบวกได้ +2.8%YoY หลังเป็นลบใน 4 ไตรมาสก่อนหน้า สำหรับเดือนต.ค.-พ.ย.60 ก็ยังมีโมเมนตัมดี ซึ่งมาตรการช็อปช่วยชาติในช่วงปลายปีก็มีส่วนช่วยหนุนด้วย พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 60/61 เติบโต 16%/17% ตามลำดับ มาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งและการขยายตัวของอัตรากำไร ที่มาจากการจำหน่ายสินค้าในแบรนด์ตนเองมากขึ้น (9M60 มียอดขายเฮ้าส์แบรนด์ 19% คาดว่าปี 61 จะเพิ่มเป็น 20% และอีก 3-5 ปีข้างหน้าเป็น 25%) การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการมี Economy of scale
- INTUCH (กสิกรไทย) เป้า 64 บาท เป็นหุ้น valuation ต่ำกว่าตลาด และปันผลสูง โดยจะได้ประโยชน์จาก Dividend Income ที่มากขึ้นจาก ADVANC ซึ่งปัจจุบันราคาหุ้นของ INTUCH ยัง Laggard กลุ่มมาก ราคาซื้อขายที่ระดับ discount to NAV ราว 23.5% ซึ่งต่ำกว่าระดับเฉลี่ยย้อนหลังที่ 18%