นางสุวรรณา พุทธประสาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด บริษัทในเครือ บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 อยูที่ 2.4 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท และตั้งเป้ารักษาอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (OCC) ในปีนี้ให้เท่ากับปีก่อนที่ 85%
ทั้งนี้ การเติบโตของกลุ่มโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ จะได้รับปัจจัยหนุนมาจากภาพรวมของภาคการท่องเที่ยวและโรงแรมที่มีแนวโน้มเติบโตที่ดี ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยฐานลูกค้าหลักยังคงเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ รวมถึงไต้หวัน และมาเลเซีย อีกทั้งคาดว่าจะมีลูกค้าจากภูมิภาคอื่นเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหรัฐอเมริกา
ขณะเดียวกันในช่วงไตรมาส 4/61 จะเปิดโรงแรมแห่งใหม่ในต่างจังหวัดเป็นแห่งแรก คือ โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ พัทยา เป็นโรงแรมระดับพรีเมียม ซึ่งจะทำสิ้นปีนี้กลุ่มโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ จะมีโรงแรมทั้งหมดเพิ่มเป็น 5 แห่ง มีจำนวนห้องพักรวมกว่า 2,100 ห้อง จากปัจจุบันมีทั้งหมด 4 แห่ง จำนวน 1,401 ห้อง ได้แก่ โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยต์ เทอมินอล 21 โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ ราชดำริ โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ เพลินจิต และแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55
นางสุวรรณา กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่กลุ่มโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ ดำเนินธุรกิจมาได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ด้วยความพึงพอใจของลูกค้า ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร๊ว ด้วยจุดเด่นด้านบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า พร้อมจุดเด่นของทำเลใจกลางเมืองใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์การค้า และแหล่งช้อปปิ้งต่างๆ จึงสามารถสร้างฐานลูกค้าที่มั่นคง ทั้งยอดการเข้าพัก และราคาที่มีการเติบโตในทุกปี นอกจากนี้ยังมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงเทียบเท่าโรงแรมชั้นนำทั่วโลก
“แม้ธุรกิจโรงแรมจะไม่ไช่ธุรกิจใหม่ แต่กลยุทธ์ที่เราใช้เป็นวิธีคิดใหม่ในการดำเนินกิจการ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพงานด้านการให้บริการ และคำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญในด้านความคุ้มค่าและตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งเราไม่หยุดนิ่งที่จะหาสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการต่างๆของลูกค้าในอนาคต”นางสุวรรณา กล่าว
ด้านแผนการลงทุนของกลุ่มแอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล ในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 62-64) ตั้งงบลงทุนรวมทั้งหมดกว่า 6 พันล้านบาท ซึ่งวางแผนพัฒนาโรงแรมในเครือแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ แห่งใหม่รวม 3 แห่ง ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ 2 แห่ง และในต่างจังหวัดที่เป็นจังหวัดท่องเที่ยว 1 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการมองหาที่ดินเพื่อพัฒนาเป็นโรงแรม
ขณะที่การพัฒนาโครงการศูนย์การค้าเทอมินอล 21 แห่งใหม่ย่านพระราม 3 ใกล้กับโรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ พื้นที่ 30,000 ตารางเมตร งบลงทุน 4 พันล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วง 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันศูนย์การค้าเทอมินอล 21 ของบริษัท มีอยู่ 1 แห่ง ที่แยกอโศก ส่วนศูนย์การค้าเทอมินอล 21 โคราช เป็นการบริหารพื้นที่เช่าให้กับบริษัท สยามรีเทล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ
อีกทั้งในสิ้นปีนี้จะเปิดศูนย์การค้าเทอมินอล 21 พัทยา เพิ่มขึ้นมาอีกแห่ง ทำให้สัดส่วนรายได้ในปี 62 จะมาจากธุรกิจศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นเป็น 35-40% จากปีนี้ 10% เมื่อศูนย์การค้าดังกล่าวเปิดให้บริการเต็มปี ขณะที่สัดส่วนรายได้ของธุรกิจโรงแรมจะลดลงมาอยู่ที่ 60-65%
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนขายสินทรัพย์ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) เพิ่มเติม แต่ในปี 62 จะมีการพิจารณานำโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55 ขายเข้ากอง REITs มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท เพื่อนำเงินไปใช้ลงทุนพัฒนาโรงแรมในเครือเพิ่มเติม
ส่วนโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ พัทยา คาดว่าจะใช้เวลาอีกราว 3 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่โครงการถึงจุดคุ้มทุน และเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการพิจารณาขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) โดยโรงแรมของบริษัทสามารถถึงจุดคุ้มทุนที่เร็วกว่าโรงแรมอื่นๆในอุตสาหกรรมที่ใช้ระยะเวลาถึงจุดคุ้มทุน 8-10 ปี เพราะการบริหารจัดการโรงแรมของบริษัทที่มีประสิทธิภาพ และมีกองรีทรองรับการเติบโตในอนาคต
“โดยนโยบายของบริษัทเมื่อบริหารได้ 3 ปี ก็จะนำสินทรัพย์ขายเข้ากองรีท เพื่อนำเงินมาต่อยอดการลงทุนโครงการอื่นๆในอนาคต เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน”นางสุวรรณา
สำหรับอัตราค่าบริการห้องพักของโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ ทั้ง 4 แห่ง เฉลี่ยอยู่ที่ 4,000-5,000 บาท/คืน และมีการปรับขึ้นตามความเหมาะสมในทุกปี ขณะที่โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ พัทยา ที่จะเปิดให้บริการในไตรมาส 4/61 มีอัตราค่าห้องพักอยู่ที่เกือบ 4,000 บาท/คืน โดยตั้งเป้าอัตราการเข้าพักปีแรกอยู่ที่ 65-80% และปีต่อไปจะเพิ่มเป็น 85%