โบรกเกอร์เชียร์"ซื้อ"หุ้นบมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) หลังมองภาพรวมผลประกอบการยังคงมีทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยที่เติบโตได้ค่อนข้างมาก จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเติบโต 4.5% ในปีนี้ และการโปรโมทการท่องเที่ยวเมืองรองมากขึ้น รวมถึงการรับเครื่องบินใหม่เพิ่มขึ้นในปีนี้ด้วย
ขณะที่มองการแข่งขันสายการบินต้นทุนต่ำในประเทศลดลง หลังจากที่ ICAO ปลดล็อคธงแดง ทำให้สายการบินของไทยสามารถขยายเส้นทางบินหรือปรับเพิ่มตารางบินไปยังเส้นทางระหว่างประเทศเพิ่มยิ่งขึ้น
ส่วนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. 60 หลังจากนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ขายหุ้นคืนให้กับนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย ส่งผลให้นายธรรศพลฐ์ ถือหุ้นเพิ่มเป็น 41.32% นั้น หนุนให้ทิศทางการบริหารงานและกลยุทธ์การทำธุรกิจมีความชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งการขยายและเพิ่มความถี่เที่ยวบินเชิงรุก
อย่างไรก็ตามคิง เพาเวอร์ และ AAV ยังเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน และมีแผนจะเพิ่มช่องทางขยายสินค้าดิวตี้ฟรี ในรูปแบบออนไลน์ร่วมกัน ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลและมีการเติบโตสูง
ราคาหุ้น AAV ปิดตลาดเที่ยงวันนี้ที่ 5.85 บาท ลดลง 0.85% ขณะที่ SEI Index บวก 0.08%
ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 7.05 กสิกรไทย ซื้อ 7.30 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 7.30 เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 7.28 แอพเพิล เวลธ์ ซื้อเก็งกำไร 6.60 หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 9.00 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ถือ 6.50 เคทีบี (ประเทศไทย) ถือ 6.60 นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ภาพรวมผลประกอบการของ AAV ยังคงมีทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยที่เติบโตได้ค่อนข้างมาก โดยทาง AAV ตั้งเป้าหมายการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารในปีนี้ไว้ที่ 15% สอดคล้องกับการเติบโตของจำนวนที่นั่งที่ 15% ซึ่งจะเพิ่มมาจากแผนการซื้อเครื่องบินเพิ่มอีก 7 ลำ ประกอบกับการแข่งขันในสายการบินต้นทุนต่ำลดลงแล้ว อย่างไรก็ตามตามการขายหุ้น AAV ของนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และครอบครัว คืนให้กับนายธรรศพลฐ์ ในราคา 4.70 บาท/หุ้น นับเป็นราคาที่ค่อนข้างต่ำนั้น ยังถือว่าเป็นแรงกดดันของราคาหุ้น ซึ่งยังต้องติดตามต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร "ภาพรวมยังคงดูดี แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีการขายหุ้นออกมาของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในราคาต่ำ เป็นแรงกดดันบ้าง แต่หากไปดูเรื่องของผลประกอบการไม่มีปัญหาและยังมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น แผนการขยายฝูงบิน และการแข่งขันที่ลดลง เราจึงยังคงแนะนำ"ซื้อ"อยู่"นายประกิต กล่าว ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ AAV เมื่อปลายเดือน ธ.ค.60 จากกลุ่มศรีวัฒนประภา เป็นนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ที่มีสัดส่วนถือหุ้นเพิ่มเป็น 41.32% เพราะจะทำให้ทิศทางการบริหารงานและกลยุทธ์การทำธุรกิจมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากการกลับมาเร่งรับเครื่องบินเร็วขึ้น โดยได้ส่งมอบเครื่องบินลำแรกแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา รวมทั้งการขยายและเพิ่มความถี่เที่ยวบินเชิงรุกโดยเฉพาะเส้นทางบินในประเทศอินเดีย หนุนให้การกระจายตัวของรายได้มีเสถียรภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ยังคงเป็นพันธมิตรกับ AAV โดยตั้งเป้าเพิ่มช่องทางขายสินค้าดิวตี้ฟรีในรูปแบบออนไลน์ ที่คาดจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งแรกปีนี้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลและการเติบโตสูง รวมทั้ง AAV มีแผนปรับปรุงภาพลักษณ์บัตรสมาชิก (Membership card) ให้น่าดึงดูดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าเป็นปัจจัยสำคัญหนุนการเติบโตของรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับค่าโดยสาร (Ancillary incomes) ในปีนี้ ขณะที่รายได้ดังกล่าวมีสัดส่วน 23% ของรายได้รวม และมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ขณะที่การปลดล็อคธงแดงขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ในไตรมาส 4/60 ทำให้สายการบินของไทยสามารถขยายเส้นทางบินหรือปรับเพิ่มตารางบินไปยังเส้นทางระหว่างประเทศเพิ่มยิ่งขึ้น หนุนให้ภาพรวมการแข่งขันของตลาดในประเทศรุนแรงลดลง สะท้อนจากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนที่นั่งรวม (Seat capacity) ในอุตสาหกรรมของเส้นทางบินในประเทศ (ต.ค.60-มี.ค.61) เพิ่มเพียง 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลังต่อปีที่ 15% (CAGR 57-60) อีกทั้งนโยบายของรัฐบาลต้องการโปรโมทเมืองรอง ก็จะเอื้อต่อการเติบโตของ AAV ในระยะกลางและยาว เพราะมีเส้นทางบินที่นักท่องเที่ยวสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้กว่า 14 เส้นทาง จากทั้งสิ้น 20 เส้นทางในประเทศ บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า ในปี 61 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยที่ 37 ล้านคน จากปี 60 ที่ 35.4 ล้านคน หรือเติบโต 4.5% โดยจะโปรโมทการท่องเที่ยวในจังหวัดรองมากขึ้น ซึ่ง AAV ตั้งเป้าการเติบโตของผู้โดยสาร Aggressive กว่าที่ 15% เป็น 22.8 ล้านคน เป็นผลมาจากการรับเครื่องบินเพิ่ม 7 ลำ และเพิ่มอัตราการใช้เครื่องบินเป็น 13 ชั่วโมง/วัน จากปีก่อนที่ 12.3 ชั่วโมง/วัน ทำให้จำนวนที่นั่งเพิ่มขึ้น 15% นอกจากนี้ยังมีแผนจะเปิดเส้นทางบินใหม่ไปอินเดีย 2-3 เมือง และในอาเซียน รวมถึงการบินระหว่างภาคภายในประเทศมากขึ้น และการใช้ HUB ที่มีอยู่ 6 แห่งในการบินไปยังต่างประเทศ โดยในเดือน ก.พ. มีแผนเปิดเส้นทางบินใหม่ 2 เส้นทาง และยังได้ประโยชน์จากมาตรการภาษีใน 55 จังหวัดรองด้วย ทั้งนี้ มองว่าในส่วนของรายได้เฉลี่ย/ตั๋ว มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยมีแผนจะเพิ่มขึ้น 4.2-4.5% จากปีที่แล้ว และจะเพิ่มรายได้จากบริการเสริมให้มากขึ้น โดยจะมีบริการใหม่ ๆ เช่น ดิวตี้ฟรีออนไลน์ ที่จับมือกับคิง เพาเวอร์ นอกจากนี้จะได้ประโยชน์จากการขยายฝูงบินของ ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ที่จะเพิ่มเครื่องบินอีก 4 ลำ เป็น 10 ลำ โดยผู้โดยสารราว 20-30% ของไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ จะมาต่อเครื่องบินของ AAV ในการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ขณะเดียวกันในด้านต้นทุนคาดว่าจะยังควบคุมได้ดี ยกเว้นต้นทุนน้ำมัน