RML คาดผลงานพลิกฟื้นปี 62 เล็งเพิ่มรายได้ประจำธุรกิจอาหาร-เตรียมเปิดตัวธุรกิจดิจิทัล

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 12, 2018 15:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอเดรียน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไรมอนแลนด์ (RML) เปิดเผยถึงภาพรวมของผลการดำเนินงานในปี 61 ว่า บริษัทคาดว่ารายได้รวมในปี 61 จะอยู่ที่ 500 ล้านบาท ซึ่งลดลงต่ำกว่าปีก่อนที่คาดว่ามีรายได้อยู่ที่ราว 3 พันล้านบาท เนื่องจากในปีนี้บริษัทมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมเพียง 1 โครงการ คือ โครงการเดอะ ลอฟท์ อโศก มูลค่า 3.2 พันล้านบาท ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งปัจจุบันทำยอดขายได้ 78%

ประกอบกับ ส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทร่วมทุนที่ดำเนินธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะเข้ามาเพียงบางส่วนในปีนี้ ทำให้ในปีนี้ภาพรวมของรายได้รวมของบริษัทจะยังไม่สดใส แต่จะเห็นการกลับมาฟื้นตัวของรายได้อีกครั้งในปี 62 ที่คาดว่าจะมีรายได้มากกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งมาจากการโอนโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น โดยมีจำนวนคอนโดมิเนียมที่โอนจำนวน 4 โครงการ ซึ่งมีโครงการเดอะ ลอฟท์ อโศก ที่มีการโอนเข้ามาต่อเนื่องจากปี 61 และยังมีรายได้จากธุรกิจใหม่เข้ามาทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลเข้ามาเสริม ทำให้รายได้จะกลับมาฟื้นตัวขึ้นในปี 62

อย่างไรก็ตาม ยอดขายในปี 61 คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเป็น 5 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 4 พันล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 8.5 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมในซอยสาทร 12 มูลค่า 3.92 พันล้านบาท จำนวน 203 ยูนิต และโครงการคอนโดมิเนียมใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมพงษ์ ติดเอ็มโพเรียม บนถนนสุขุมวิท มูลค่า 4.86 พันล้านบาท จำนวน 237 ยูนิต ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะเปิดขายภายในครึ่งปีหลังของปีนี้ ส่วนในปี 60 บริษัทเปิดเพียง 1 โครงการ คือ โครงการเดอะ ลอฟท์ สีลม มูลค่า 3.5 พันล้านบาท

ด้านความคืบหน้าการพัฒนาอาคารสำนักงานในย่านเพลินจิต พื้นที่ 61,000 ตารางเมตร จะส่งมอบที่ดินแล้วเสร็จภายในเดือนเม.ย.นี้ และจะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 4/61 และคาดว่าจะแล้วแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 2/64 โดยในช่วงไตรมาส 2/61 บริษัทจะเปิดให้ผู้สนใจจองพื้นที่ล่วงหน้า ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และคาดว่าหลังจากเปิดให้บริการจะสร้างรายได้เฉลี่ยต่อปี 800 ล้านบาท พร้อมกับอยู่ระหว่างการมองหาทำเลในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทให้เช่าใหม่ในกรุงเทพฯอีกราว 40,000 ตารางเมตร เพื่อบรรลุเป้าหมายมีพื้นที่เช่ารวม 100,000 ตารางเมตร ในช่วง 3-5 ปี (ปี 63-65)

ขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 61 มองว่าจะทรงตัวจากปี 60 เพราะเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ แต่ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ระดับบนมองว่ายังมีการเติบโตที่ดีอยู่ เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ที่ยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลที่ดีในเมืองอยู่มาก ในขณะที่ซัพพลายของโครงการระดับบนในทำเลที่ดีในกรุงเทพฯไม่มากนัก ซึ่งในปีนี้คาดว่าจำนวนยูนิตของโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมดจะอยู่ที่ 70,000-80,000 ยูนิต แต่จะมีโครงการระดับลักชัวรี่ที่ราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปเพียง 4,000ยูนิต ซึ่งในปีนี้ 2 โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวจะราคาเริ่มตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป

นายลี กล่าวว่า กลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นไป จะมีการกระจายและสร้างรายได้ประจำมากขึ้น นอกเหนือจากรายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ โดยบริษัทกระจายการลงทุนไปสูงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) โดยร่วมทุนกับบริษัท บางกอก วูดเด้น สพูน จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารบ้านหญิง โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุน BAAN YING PTE. LTD. โดยบริษัท สยาม สพูน ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ RML ที่ถือหุ้น 99.99 % ถือหุ้นถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนสัดส่วน 51% และบริษัท บางกอก วูดเด้น สพูน ถือหุ้นสัดส่วน 49% ทุนจดทะเบียน 35 ล้านบาท

บริษัทวางแผนขยายธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉลียงใต้ และประเทศจีน ซึ่งตั้งเป้าเปิดร้านอาหารรวม 10-15 สาขา ภายในปี 63 โดยมีหัวเมืองเป้าหมายที่จะไปเปิดร้านอาหารในสิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ พนมเปญ ฮานอย โฮจิมินห์ เซินเจิ้น และกวางโจว โดยจะใช้แบรนด์และการบริหารจากทีมงานบ้านหญิง โดยตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในปี 61 ซึ่งเป็นปีแรกอยู่ที่กว่า 100 ล้านบาท และภายใน 5 ปี หรือปี 65 จะเพิ่มเป็น 1 พันล้านบาท ซึ่งในช่วง 3-5 ปี (ปี 63-65) บริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ F&B จะเพิ่มเป็น 10-15% จากปัจจุบันที่ยังไม่มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจดังกล่าวเข้ามา

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าสัดส่วนที่มาจากรายได้ประจำในช่วง 3-5 ปี จะพยายามเพิ่มให้มีสัดส่วนมากกว่า 50% เพื่อเป็นการกระจายที่มาของรายได้ และเป็นธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดเข้ามาให้กับบริษัทได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างความมั่นคงให้กับบริษัท และมีเงินนำไปลงทุนต่อยอดได้ ในขณะที่สัดส่วนรายได้จากธุรกิจพัฒนาและขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยจะลดลงเป็น 40% จากปัจจุบันรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจพัฒนาและขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย

ส่วนงบซื้อที่ดินในปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 2 พันล้านบาท และงบสำหรับการลงทุนในธุรกิจอื่นๆอีก 10-50 ล้านบาท โดยจะมีธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นมาที่เป็นธุรกิจดิจิทัล ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม และคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงเดือนส.ค.นี้

ด้านนายทรงศร จั่นสัญชัย ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้ง บ้านหญิง กรุ๊ป กล่าวเสริมเกี่ยวกับแผนการลงทุนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มภายใต้การร่วมทุนกับ RML ว่า ในปี 61 จะมีการเปิดร้านอาหารและเครื่องดื่มในประเทศสิงคโปร์ทั้งหมด 6 สาขา โดยร้านอาหาร 2 แห่งแรกจะเปิดในอาคาร รอยัล สแควร์ (Royal Square) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตคอมเพล็กซ์เพื่อสุขภาพของโนวีน่า เฮล ซีตี้ (Novena Health City) ในไตรมาส 1/61 ซึ่งจะมีร้าน ดิงค์ ดิงค์ (Dink Dink) ร้านอาหารขนาด 68 ที่นั่ง ตั้งอยู่บนชั้น 1 นำเสนออาหารไทยในบรรยากาศสบายๆ เน้นความสะดวก รวดเร็ว และมีเมนูก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง และเครื่องดื่มไทยโบราณสำหรับรับประทานทั้งภายในและภายนอก

ส่วนร้าน บ้านหญิง ขนาด 126 ที่นั่ง ตั้งอยู่บนชั้น 2 ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ และแบรนด์ดั้งเดิมของ “บ้านหญิง กรุ๊ป" โดยนำเสนออาหารไทยที่คนไทยรับประทานทุกวัน ซึ่งเมนูได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีในสไตล์ไทยร่วมสมัย และร้านที่ 3 ภายใต้คอนเซ็ปท์สไตล์ ฮ็อต พ็อท (Hot Pot) ไทย-อีสาน ที่มีรสชาดจัดจ้าน มีแผนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาส 4/61 พร้อมกับมีแผนจะเปิดให้บริการร้านอาหารทะเลระดับพรีเมี่ยมริมแม่น้ำในกรุงเทพฯเช่นเดียวกัน

“การร่วมมือกับไรมอน แลนด์ในครั้งนี้ เรามุ่งหวังที่จะนำเสนออาหารไทยแก่นักชิมนานาประเทศให้ได้ลิ้มรสอาหารไทยแท้ๆ และเป็นครั้งแรกที่บ้านหญิงได้ออกไปเปิดตลาดในต่างประเทศ"นายทรงศร กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ