CPT เตรียมเซ็นสัญญา 4 โครงการใหม่ใน Q1/61 กว่า 140 ลบ.รับรู้ฯปีนี้ดันรายได้ทั้งปีโตมากกว่า 10%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 15, 2018 11:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมศักดิ์ หลิมประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ (CPT) เปิดเผยว่า ล่าสุด CPT ได้รับคัดเลือกให้ก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย ระดับแรงดัน 115 KV พร้อมระบบควบคุม SCADA สำหรับจ่ายไฟฟ้าให้โรงงานใหม่ของบริษัท อลูคอน จำกัด (มหาชน) มูลค่าโครงการ 37 ล้านบาท และโครงการผลิตตู้ไฟฟ้ากำลังระดับความดันปานกลางสำหรับจ่ายไฟฟ้าของโรงงานน้ำตาลและโรงผลิตไฟฟ้าของโรงงานน้ำตาลไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม สาขาสกลนคร มูลค่าโครงการ 42 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีงานระบบไฟฟ้าและควบคุมการจ่ายน้ำและชุดสตาร์ทมอเตอร์ขนาดใหญ่สำหรับขับปั๊มน้ำ ของโครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำดิบของกลุ่มอีสท์ วอเตอร์อีก 33 ล้านบาท อีกทั้งยังได้รับงานผลิตตู้ควบคุมมอเตอร์สำหรับโรงงานน้ำตาลในประเทศบังคลาเทศ มูลค่าโครงการ 30 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้ง 4 โครงการทั้งสิ้น 142 ล้านบาท ซึ่งจะเซ็นสัญญาได้ในไตรมาส 1/61 และจะทยอยส่งมอบงานและรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้

ส่วนตลาดต่างประเทศนั้น บริษัทฯ จะเร่งจัดตั้งสำนักงานขายในประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ให้แล้วเสร็จทันภายในปีนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานน้ำตาลในประเทศดังกล่าวที่ขยายการลงทุนเพิ่มเติม จึงเป็นโอกาสดีของ CPT ที่จะนำเสนอสินค้ากลุ่มตู้ไฟฟ้าระบบควบคุมมอเตอร์ขนาดใหญ่ที่ไปขับเคลื่อนเครื่องจักรไปยังลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มเติม โดยคาดว่าภายในปี 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทฯ จะมีรายได้เพิ่มเป็น 500 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายได้เฉลี่ยปีละ 100 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯยังสามารถนำเสนองานให้บริการและการปรับปรุงสินค้าโดยนำเสนอสินค้าใหม่ทดแทนของเดิมที่ใช้งานมานาน เช่น การเปลี่ยนตู้ไฟฟ้าระบบควบคุมมอเตอร์ขนาดใหญ่ที่ไปขับเคลื่อนเครื่องจักร ซึ่งมีมูลค่างานเฉลี่ยในแต่ละปีประมาณ 300 ล้านบาท ที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตอีกด้วย

ขณะที่กลุ่มธุรกิจติดตั้งและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย บริษัทฯ มีแผนเข้าร่วมเสนอราคารับงานก่อสร้างสถานีโรงไฟฟ้าย่อย,เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Turbine Generator) รวมถึงตู้ไฟฟ้าและตู้ควบคุมในโรงไฟฟ้า ให้กับผู้ได้รับคัดเลือกทั้งหมด 17 ราย ของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybrid Firm รวม 300 MW โดยตั้งเป้าหมายชนะการประมูลในการนำเสนองานดังกล่าวจำนวน 6-7ราย คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 800 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2562

“เรามั่นใจว่าในปี 61 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากมีงานใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากขีดความสามารถการแข่งขันที่ดี สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จจากการได้รับความไว้วางใจของลูกค้าจาก 4 โครงการใหม่ ที่คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด และหากโรงงานแห่งใหม่ก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 3/61 จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจในด้านการนำเสนอสินค้าไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติมได้อีกด้วย" นายสมศักดิ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ