โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) มองแนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตดี รับผลโครงการ World Medical Center (WMC) ที่มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นและมีลุ้นจะทำกำไรได้เป็นครั้งแรกในปีนี้ หลังหันมาเน้นกลุ่มคนไข้ชาวจีนเข้ามารักษามากขึ้น ซึ่งเป็นการรักษาเกี่ยวกับการชะลอวัยและการฟื้นฟูความเสื่อมสภาพ ซึ่งมีอัตราค่ารักษาพยาบาลที่สูงและให้มาร์จิ้นที่ดี รวมถึงการลงทุนศูนย์ผู้มีบุตรยาก IVF เพื่อให้มีการบริการที่หลากหลายเพิ่มขึ้นก็ช่วยหนุนผลงานของ WMC ด้วย
ขณะที่ทางโรงพยาบาลในเครือได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการประกันสังคม หลังจากสำนักงานประกันสังคมปรับเพิ่มอัตราค่ารักษาพยาบาลและปรับเปลี่ยนระยะเวลาการจ่ายเงิน ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและมีกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังเตรียมปรับเปลี่ยนโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์แนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ ออกจากโครงการประกันสังคม และหันมาเน้นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติและรับลูกค้าเงินสดมากขึ้น หนุนให้ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี
ราคาหุ้น BCH ช่วงบ่ายอยู่ที่ 15.50 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.64% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.73%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
ไทยพาณิชย์ ซื้อ 21.00
ธนชาต ซื้อ 20.00
ทรีนีตี้ ซื้อ 19.50
เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 19.20
กรุงศรี ซื้อ 19.00
เออีซี ซื้อ 18.60
เอเซีย พลัส ซื้อ 18.60
นายธีรพล อุดมเวช นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี แนะนำ "ซื้อ" BCH ราคาเป้าหมาย 19 บาท/หุ้น หลังมองทิศทางการเติบโตที่ดีจากแผนงานต่าง ๆ ที่จะเข้ามาสนับสนุนการเติบโต เช่น แผนการลงทุนคลีนิก IVF ในโครงการ World Medical Center ที่จะเปิดในช่วงครึ่งปีแรกของปี 61 ซึ่งจะทำให้มีบริการเสริมที่สร้างรายได้และให้มาร์จิ้นที่ดีเข้ามา พร้อมกับการเน้นกลุ่มลูกค้าชาวจีนเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังมีการเจรจาเพื่อเข้าไปบริหารโรงพยาบาลในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับทางการปากีสถานเพื่อทำสัญญาบริหารโรงพยาบาล โดยในช่วง 3 ปีแรกจะคิดค่าบริหารจัดการอยู่ที่ 3% และเพิ่มเป็น 10% หลังครบ 3 ปี
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานของโครงการ World Medical Center มีแนวโน้มที่ขาดทุนลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 3/60 เป็นต้นมา หลังจากที่มีคนไข้ชาวจีนเข้ามารักษาเกี่ยวกับการชะลอวัยและการฟื้นฟูความเสื่อมสภาพมากขึ้น ซึ่งอัตราค่ารักษาพยาบาลที่สูงระดับ 200,000 บาท และมีมาร์จิ้นที่สูง ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานของ World Medical Center ปีนี้จะขาดทุนลดลงมาอยู่ที่ 60 ล้านบาท จากปีก่อนคาดว่าขาดทุน 120 ล้านบาท และทางโรงพยาบาลในเครือที่เข้าร่วมโครงการประกันสังคมจะมีรายได้จากการรักษาที่เพิ่มขึ้นไปจนถึงไตรมาส 2/61 ทำให้ภาพรวมของผลการดำเนินงานของ BCH ในปีนี้จะออกมาค่อนข้างดี และคาดว่ากำไรในปี 61 จะเติบโตราว 18% จากปีก่อน หรือมาอยู่ที่ 1.05 พันล้านบาท
นักวิเคราะห์บล.ทรินีตี้ แนะนำ "ซื้อ" BCH ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท/หุ้น มองว่าการปรับปรุงแบรนด์โรงพยาบาลไป 6 แห่ง ให้มีมาตรฐานสูงขึ้น มีการยกระดับอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ทำให้สามารถเพิ่มรายได้จากการรักษาพยาบาลได้มากขึ้น และรองรับผู้ป่วยที่มีโรคซับซ้อนสูงขึ้น ด้านผู้ป่วยประกันสังคมนั้น เครือโรงพยาบาล BCH ยังคงมีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุด และมีอัตราการเติบโตของผู้ป่วยจดทะเบียนในเครือที่สูงขึ้น อีกทั้งยังได้รับปัจจัยหนุนจากการเปลี่ยนระยะการชำระเงินของสำนักงานประกันสังคมที่จะจ่ายให้กับโรงพยาบาลในระบบ 2 ครั้ง/ปี ในอัตรา 80:20 ทำให้มีกระแสเงินสดที่เสริมสภาพคล่องได้มากขึ้น
ส่วนโครงการ World Medical Center คาดว่าจะเริ่มมีกำไรในปี 61 หลังจากหันไปเน้นการขยายฐานคนไข้กลุ่มนักท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ จากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน และเน้นการรับบริการแบบ Preventive Treatment, Anti-Aging Checkup, IVF โดย BCH ได้ทำการตกลงกับเอเยนซี่ของจีนและจะมีการส่งกลุ่มคนไข้มาทุกเดือน ประกอบกับการรับจ้างบริหารโรงพยาบาลในประเทศปากีสถาน ที่ทาง World Medical Center จะทำการรับช่วงผู้ป่วยส่งต่อมายังประเทศไทย ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ใหมเพิ่มมากขึ้น
น.ส.ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เออีซี แนะนำ "ซื้อ" BCH ราคาเป้าหมาย 18.60 บาท/หุ้น จากคาดว่ากำไรปี 61 จะเติบโต 14.3% หรือมาอยู่ที่ 1.05 พันล้านบาท จากการปรับขึ้นค่ารักษาบริการของสำนักงานประกันสังคม ส่วนลูกค้ากลุ่มที่ชำระเงินสดจะเริ่มเน้นการให้บริการเพิ่มขึ้นโดยตั้งแต่เดือนม.ค.61 โดยจะเริ่มต้นจากโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์แนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ ออกจากประกันสังคมเพื่อยกระดับเป็นศูนย์ส่งต่อฝั่งตะวันตก ซึ่งจะรับเฉพาะผู้ป่วยเงินสดและต่างชาติ ส่วนคนไข้ผู้ประกันตนเดิมกว่า 1 แสนราย จะย้ายไป รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์
นอกจากนี้โครงการ World Medical Center คาดว่าจะเห็นผลดำเนินงานดีขึ้นเรื่อยๆ และมีโอกาสเห็นกำไรในปี 61 หลังจากมีแผนการขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีแผนเพิ่มศูนย์เฉพาะทางใหม่ ศูนย์เด็กหลอดแก้ว IVF เพื่อเพิ่มความหลากหลายของการบริการ และเจาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนเพิ่มมากขึ้น เพื่อสนับสนุนให้มีรายได้ของอัตราค่ารักษาพยาบาลเพิ่ม และมีมาร์จิ้นที่สูงขึ้น