นายสมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ ดีแทค แอคเซอเลอเรท ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพในกลุ่มบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) เปิดเผยว่า ปีนี้ได้เตรียมงบลงทุนไว้กว่า 100 ล้านบาท เพื่อที่จะใช้ลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ 12-13 ราย โดยจะจัดประกวดสตาร์ทอัพ เพื่อคัดเลือกเข้าลงทุนในช่วงเดือน มี.ค. ซึ่งคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้ามาร่วมกว่า 600 ราย
สำหรับการคัดเลือกนั้นไม่ได้มีการกำหนดกลุ่มของธุรกิจแต่อย่างใด แต่จะมองถึงสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพการเติบโตในอนาคต และมีผลต่อประชาชนอย่างน้อย 1 ล้านคน ขึ้นไป
“การลงทุนเราไม่ได้มองว่าจะต้องเป็นธุรกิจในกลุ่มใด แต่เรามองในสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพการเติบโตในอนาคต อย่างเช่นที่ผ่านมามีแว่นตาสำหรับคนตาบอด และวันนี้เองเราก็ได้ ZmyHome ผู้พัฒนาเว็บไซท์ขาย เช่า บ้าน คอนโด เจ้าของขายเองที่มีการพัฒนาไปอีกขั้น"นายสมโภชน์ กล่าว
อนึ่ง ZmyHome (ซีมายโฮม) สตาร์ทอัพในโครงการ ดีแทค แอคเซอเลอเรท batch 3 ซึ่งเป็นเว็บไซต์บ้าน คอนโดมิเนียม เจ้าของขายเอง อันดับ 1 ที่ช่วยให้ผู้ซื้อได้ซื้อบ้านตรงจากเจ้าของตัวจริงหรือเจ้าของโครงการ ประกาศรับเงินลงทุน 400,000 เหรียญสหรัฐ จากกองทุน KK Fund เพื่อพัฒนาระบบและขยายตลาดให้ครบทุกทำเลทั่วประเทศไทย ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการ 2 ปี มีประกาศที่ขายหรือเช่าแล้ว 10,000 รายการ และเติบโตเฉลี่ย 18% ต่อเดือน
ด้านนายณัฐพล อัศว์วิเศษศิวะกุล ผู้ก่อตั้ง ZmyHome กล่าวว่า เว็บไซต์ ZmyHome มีผู้เข้ามาลงประกาศในลักษณะเจ้าของบ้าน คอนโดมิเนียม ในรายบุคคล รวมทั้งเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของโครงการคอนโดมิเนียม และบ้านจำนวนมาก ที่ใช้บริการระบบนี้ เช่น แอลพีเอ็น ริชชี่เพลส ซีพีแลนด์ เรียลแอสเซท ชีวาทัย ดีเวล เป็นต้น โดยทุกรายสามารถขายทรัพย์สินได้จริง และมีมูลค่ารวมกันกว่าร้อยล้านบาท และจนถึงสิ้นปีนี้เจ้าของโครงการต่าง ๆ สามารถส่ง Pricelist และภาพถ่าย เพื่อให้ ZmyHome ช่วยลงประกาศให้ได้ฟรี ไม่จำกัดจำนวนและโครงการ
สำหรับจุดแข็งของแพลตฟอร์ม ZmyHome คือช่วยให้ลูกค้าที่เป็นเจ้าของโครงการ หรือเจ้าของบ้านรายย่อย ขายได้เร็วขึ้น เพราะ ZmyHome ช่วยแสดงให้เห็น ความต้องการที่แท้จริงของตลาด และ ZmyHome ช่วยโปรโมททรัพย์สินที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยผู้ขายสามารถศึกษาราคาของทรัพย์สินที่ขาย-เช่า สำเร็จบนเว็บไซต์ก่อนเริ่มลงประกาศ และหลังจากที่ลงประกาศแล้วเจ้าของบ้านจะได้รับแจ้งความเคลื่อนไหวสำคัญในโครงการเดียวกัน หรือในชุมชนรอบ ๆ ผ่านทางเฟซบุ๊กแมสเซ็นเจอร์ (FB Messenger) เช่น จำนวนคนสนใจโครงการที่ลงประกาศขายอยู่ ประกาศที่มีผู้สนใจซื้อในโครงการเดียวกัน ประกาศที่ขาย-เช่าสำเร็จในโครงการเดียวกัน เป็นต้น ซึ่งการช่วยเหลือแบบนี้คล้ายกับเจ้าของทรัพย์สิน มีมืออาชีพช่วยแนะนำตลอดเวลา เพื่อช่วยให้ขายเช่าสำเร็จ
นอกจากนี้ ZmyHome ยังเป็นเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ แห่งแรกในประเทศไทย ที่เจ้าของบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่รีบขาย หรือรีบเช่า สามารถโปรโมทตรงถึงผู้ซื้อที่มีแผนจะซื้อบ้าน หรือเช่า ภายใน 3 เดือนรอบ ๆ โครงการ โดยคิดค่าบริการตามจริงที่จากลูกค้าเห็นโฆษณาเท่านั้น โดยในปีที่ผ่านมาเว็บไซต์ก็มี Developer มาใช้บริการจำนวนมากด้วยเช่นกัน โดย 1 ในนั้นคือบมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) ซึ่งสามารถปิดยอดขายได้จริงผ่าน ZmyHome กว่า 100 ล้านบาท และในปี 61 นี้ก็ตั้งเป้าที่จะปิดยอดขาย 300 ล้านบาท จาก ZmyHome
นายโคอิชิ ไซโตะ ผู้ก่อตั้ง KK Fund กล่าวว่า KK Fund เลือกลงทุนใน ZmyHome เพราะเห็นโอกาสของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงที่มีสภาพคล่องต่ำ ซึ่งต้องการแพลตฟอร์มที่ข้อมูลถูกต้อง เพื่อช่วยให้การซื้อขายเกิดขึ้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้นเหมือนประเทศพัฒนาแล้วที่สามารถขายหรือซื้อสำเร็จในเวลาเพียง 1-3 เดือน ซึ่งทีมผู้ก่อตั้ง ZmyHome มีเข้าใจโครงสร้างของปัญหานี้เป็นอย่างดี และทุ่มเทตลอดมาที่จะทำให้ผู้ซื้อ ผู้ขาย ซื้อขายสำเร็จได้ตามต้องการ
"แม้ว่ากลไกต่างๆ ของตลาดไทยจะยังไม่พร้อมเหมือนประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งปกติจะเกิดขึ้นได้จากการผลักดันของภาครัฐ และองค์กรวิชาชีพต่างๆ แต่ ZmyHome ได้พยายามสร้างสรรค์วิธีการใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนใน แพลตฟอร์ม อื่นๆ เพื่อช่วยให้ซื้อขาย สำเร็จ และเว็บไซต์ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยเว็บมีการถูกเปิดดูกว่า 1,000,000 ครั้ง/เดือน"นายโคอิชิ กล่าว
นายโคอิชิ กล่าวว่า การลงทุนใน ZmyHome ครั้งนี้ จะเป็นการสร้างพันธมิตรด้านแพลตฟอร์มอสังหาฯที่แข็งแกร่งใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจาก KK Fund ได้มีการลงทุน Platform ด้านอสังหาริมทรัพย์ในหลายประเทศในภูมิภาคนี้ และ ZmyHome เป็น แพลตฟอร์มเดียวในไทยที่แก้ปัญหาได้ตรงจุด