นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 61 อยู่ที่ 5.37 หมื่นล้านบาท เติบโต 13.1% จากปีก่อนที่ทำยอดขายได้ 4.75 หมื่นล้านบาท พร้อมกับวางแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ในกลุ่มแวลูและพรีเมียมรวม 75 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6.67 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์โฮม 44 โครงการ บ้านเดี่ยว 18 โครงการ คอนโดมิเนียม 5 โครงการ และโครงการในกลุ่มพรีเมียมอีก 8 โครงการ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เปิดไปแล้วทั้งหมด 56 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5.92 หมื่นล้านบาท
ในปี 61 บริษัทจะเน้นการนำเมกะเทรนด์ของตลาดในช่วงอีก 5 ปีข้างหน่ามาประยุกต์ใช้กับสินค้าและการบริการต่างๆของบริษัทที่จะมอบให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อเพิ่มคุณภาพและบริการ ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าทั้งในวันนี้และอนาคต ประกอบกับการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในที่อยู่อาศัยเพื่อสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกบ้านให้อยู่อย่างมีความสุข
ด้านกลยุทธ์การตลาดจะใช้แบบดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง เพื่อสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ซึ่งถือว่าเป็นประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยปีที่ผ่านมามียอดขายจากสื่อดิจิทัลอยู่ที่ 1.61 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปี 59 สูงถึง 98%
ขณะนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้ที่ 5.05 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน ซึ่งเบื้องต้นจะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างเสร็จทั้งหมด 5 โครงการ และบริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิปีนี้ที่ไม่ต่ำกว่า 13.5% ด้านงบซื้อที่ดินวางไว้ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้ไป 1.3 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้ซื้อที่ดินในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต
ส่วนความคืบหน้าของโรงพยาบาลวิมุติอยู่ระหว่างการเริ่มก่อสร้าง โดยใช้งบก่อสร้างจำนวน 650 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการแก่ลูกค้าภายในปี 63 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาแผนงานกับ 2 พันธมิตร ที่จะเข้ามาร่วมกันดำเนินงานของโรงพยาบาลวิมุติ
นางสุพัตรา กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 61 ว่า ตลาดฯ ในกรุงเทพฯและปริมณฑล คาดว่าจะมียอดขายเติบโตจากปีก่อน 5% หรือมีมูลค่าตลาดรวมราว 4.2 แลนล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนจากการลงทุนด้านโครงสร้างการคมนาคมของภาครัฐ ขณะที่ภาพรวมของยอดโอนในปีนี้ทั้งตลาดคาดว่าอยู่ที่ 3 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ตลาดหลักที่ขับเคลื่อนการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเป็นตลาดในกรุงเทพฯที่มีการเติบโตอย่างมาก จากการลงทุนต่างๆในด้านการคมนาคมของภาครัฐที่จะมีรถไฟฟ้าครอบคลุมหลายๆพื้นที่ในกรุงเทพฯ แม้ว่าจะส่งผลต่อราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาที่ดินในประเทศไทยยังต่ำกว่าราคาที่ดินในประเทศเพื่อนบ้านที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลบวกต่อภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง