นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวนในทางลบ หลังได้เห็นสัญญาณการทำกำไรของตลาดสำคัญ ๆ อย่างดัชนีดาวโจนส์ที่มีสัญญาณการกลับตัว จากที่ปรับขึ้นแรงก็ได้ปรับตัวลงมา และเช้านี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ก็จะติดลบกันราว 0.2-0.55% โดยตลาดที่ติดลบ 0.55% เป็นตลาดหุ้นออสเตรเลีย ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับพวก Commodity อยู่ค่อนข้างมาก และตลาดหุ้นฮ่องกง ติดลบ 0.5% ก็มีความเกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ ทำให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มลดความเสี่ยงกันมากขึ้น
นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มพลังงานก็มีโอกาสที่จะพักฐานหลังจากที่ราคาน้ำมันไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 70 เหรียญฯ/บาร์เรล ดังนั้น ตลาดบ้านเราจึงมีความเสี่ยงที่จะพักฐานในช่วง 2-3 สัปดาห์ มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเบื้องต้นมองการพักฐานไว้บริเวณ 1,760-1,780 จุด
พร้อมให้กรอบการแกว่งของดัชนีฯในวันนี้ไว้ที่ 1,803-1,830 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 ม.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,792.86 จุด ลดลง 10.33 จุด (-0.04%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,776.42 จุด ลดลง 9.82 จุด (-0.35%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,223.69 จุด ลดลง 37.38 จุด (-0.51%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 168.39 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 79.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.98 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.55 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 6.85 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.48 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.99 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 14.54 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ม.ค.61) 1,821.83 จุด ลดลง 0.83 จุด (-0.05%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 530.13 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ม.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 ม.ค.61) ปิดที่ระดับ 63.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 57 เซนต์ หรือ 0.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ม.ค.61) ที่ 5.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.91 แนวโน้มแข็งค่า มีลุ้นหลุด 31.90 จับตากระแสเงินทุนไหลเข้าไทย
- "อุตตม" เผยข่าวดีราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานลงแน่ๆ สัปดาห์หน้า แย้มอาจเห็น 1-3 บาทต่อ กก. หลัง คสช.ออกคำสั่ง ม.44 ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายสู่การลอยตัวราคาหน้าโรงงานอิงตลาดโลกเลิกอุดหนุนราคาป้องบราซิลฟ้อง รับเสรีการค้า
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติวงเงิน งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 จำนวน 3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปี 2561 จำนวน 1 แสนล้านบาท หรือ 3.4% เมื่อเทียบกับงบประมาณปี 2561
- นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในขณะนี้ยังไม่กระทบต่อภาพรวมรายได้ของการท่องเที่ยวไทย เนื่องจากเมื่อเทียบกับปี 2560 ที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นมา 7-8% ก็ยังอยู่ได้ และหากเงินบาทไม่แข็งค่าเกิน 10% ก็ยังเป็นจุดที่การท่องเที่ยวยังรับได้อยู่ ด้านสทท.หวั่นโดนเพื่อนบ้านแย่งตลาด หากปล่อยบาทแข็งค่านาน
- อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า เนื่องจากข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ ไทยกับจีน ทำให้สินค้าจากประเทศจีน 703 รายการ อัตราภาษีนำเข้าจาก 30% จะเหลือ 5% ซึ่งกรมต้องติดตามการจัดเก็บรายได้ว่า จะทำให้ภาษีลดลงไปอีกเท่าไร โดยสินค้าที่มีการลดภาษีนำเข้าจากจีนจำนวนมาก ได้แก่ กระเบื้องต่างๆ ที่ใช้สำหรับบ้านที่พักอาศัย
- ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศเผยปี 61 เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าที่ 31.8 บาท ทำสถิติแข็งค่าสุดรอบ 5 ปี กระทบส่งออกหดตัว 1.6% สูญรายได้กว่า 1 แสนล้านบาท จี้คลัง-ธปท.ดูแลด่วน ชี้ปรับค่าแรงกระทบธุรกิจ ขนาดกลางหนัก แนะรัฐออกมาตรการเยียวยา-ช่วยเหลือดอกเบี้ยต่ำ
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPN (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 93 บาท ยังไม่รวมโครงการร่วมทุนกับ DTC ที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจในอนาคต โดยในปี 2561 จะเป็นปีที่กำไรโตเร่งตัวที่สุดในรอบ 5 ปีด้วยอัตรา 23% จากศูนย์การค้าที่ทยอยเปิดหลังปิดปรับปรุงในปีก่อน ศูนย์การค้าใหม่ 2 แห่งที่เปิดในปีที่ผ่านมา และอีก 2 แห่งเป็นอย่างน้อยที่จะเปิดในปีนี้ รวมถึงรายได้จากคอนโด Escent ที่จะเริ่มรับรู้เป็นปีแรก พร้อมมองกำไร Q4/60 ยังถูกกระทบจากการปิดปรับปรุงเซ็นทรัลเวิลด์ คาด -8.5% Q-Q, +2.4% Y-Y แต่ศักยภาพในระยะยาวมั่นคง ด้านราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE 30.6 เท่า, PEG 1.3 เท่า และ EV/EBITDA 21.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม Modern trade
- CBG (ไอร่า) เป้า 125 บาท บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 61 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเน้นประเทศอังกฤษและจีน พร้อมเดินหน้าบุกตลาดยุโรป เร่งสร้างแบรนด์สู่ระดับโลก และเจรจาคู่ค้า ในฝรั่งเศส เยอรมัน และสวิสเซอร์แลนด์ คาดมีความชัดเจนภายในปีนี้ 1–2 ประเทศ ทั้งนี้ คาดตลาดในประเทศ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ภายใต้กลยุทธ์ “Cash Vans" ที่สามารถเข้าถึงร้านค้าปลีก มากกว่า 3 แสนร้านทั่วประเทศ พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 61 – 62 เติบโตโดดเด่น +45% และ 54% อยู่ที่ 2,291 ล้านบาท และ 3,518 ล้านบาท ตามลำดับ
- PSH (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 26.25 บาท บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายและรายได้ในปี 2561 ที่ 13% และ 10% ตามลำดับ โดยจะได้รับการสนับสนุนจากโครงการใหม่ 75 โครงการ มูลค่า 66.7 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 12.7% YoY ทั้งนี้โครงการบ้านเดี่ยวจะเป็นสินค้าที่จะสนับสนุนการเติบโตดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้นโครงการในกลุ่มพรีเมียมก็ถือเป็นอีกส่วนสนับสนุนสำคัญ นอกจากนี้บริษัทมีแผนการที่จะสร้างแบรนด์พฤกษาให้เป็นที่หนึ่งในใจคนไทยและเป็นที่หนึ่งในตลาด โดยเตรียมกลยุทธ์ 5 ข้อที่จะปรับใช้ในปีนี้ ซึ่งจะเกี่ยวกับทั้งภาพลักษณ์และการเพิ่มประสิทธิภาพภายใน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำไรเช่นกัน ทั้งนี้แผนการพัฒนาโครงการโรงพยาบาลที่แถวสะพานควายถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะสนับสนุนความมั่นคงในการเติบโตระยะยาว