นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 มีกำไรสุทธิจำนวน 384.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,014.4 ล้านบาท หรือ 161.1% เมื่อเทียบกับปี 2559 มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 629.5 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงาน 1.8% และการลดลงของสำรองหนี้สงสัยจะสูญ 19.5% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.6%
เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 และ 2559 รายได้จากการดำเนินงานปี 2560 จำนวน 13,154.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 จำนวน 226.6 ล้านบาท หรือ 1.8% ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจำนวน 308.9 ล้านบาท หรือ 18.9% ซึ่งเกิดจากค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน รายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและรายได้ธุรกรรมเช่าซื้อ และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 336.7 ล้านบาท หรือ 3.4% เป็นผลจากการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสุทธิ 9.4% กับการลดลงของรายได้จากการดำเนินงานอื่นจำนวน 418.9 ล้านบาท หรือ 29.4% สาเหตุหลักจากการลดลงของกำไรสุทธิจากเงินลงทุน
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 เพิ่มขึ้นจำนวน 189.4 ล้านบาท หรือ 2.6% เมื่อเทียบกับปี 2559 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานสุทธิกับการลดลงของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารสถานที่ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงานสำหรับปี 2560 อยู่ที่ 57.9% ในขณะที่ปี 2559 อยู่ที่ 57.4% อย่างไรก็ดี หากไม่รวมรายการค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวกับปรับเปลี่ยนธุรกิจ (business rationalization) อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานในปี 2560 จะลดลงมาอยู่ที่ 56.9%
อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin – NIM) อยู่ที่ 3.89% สำหรับปี 2560 ในขณะที่ปี 2559 อยู่ที่ 3.77% เป็นผลจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
วันที่ 31 ธันวาคม 2560 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 213.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับ เงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จำนวน 220.1 พันล้านบาท ลดลง 1.5% จากสิ้นปี 2559 ซึ่งมีจำนวน 223.5 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 96.8 จาก 92.4% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 10.7 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น (NPL ratio) อยู่ที่ 4.8% ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 อยู่ที่ 6.1% สาเหตุหลักจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพในปี 2560 ประกอบกับธนาคารมีมาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และการบริหารคุณภาพสินทรัพย์รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการในการเรียกเก็บหนี้ที่มีอยู่
อัตราส่วนเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 อยู่ที่ 93.2% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ 77.3% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 เงินสำรองของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่จำนวน 9.9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 3.7 พันล้านบาท
เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 มีจำนวน 40.7 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 17.0% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 12.9%