"นับจากวันนี้แผนงานการพัฒนา โครงการ อมตะ ซิตี้ ชลบุรี จะเน้นความเป็นเมืองแห่งพลังงานสะอาด และเป็นต้นแบบของนิคมฯในกลุ่มอมตะทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการบริหารจัดการพลังงานทางเลือกอย่างชาญฉลาดด้วยเทคโนโลยีทันสมัยการจัดการทรัพยากรทางด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งขณะนี้มีหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาตามแผนงานยุทธศาสตร์ เพื่อสนับสนุนการเป็นเมืองอัจฉริยะระดับโลก อาทิ โครงการเมืองวิทยาศาสตร์อมตะ ( AMATA Science City) และโครงการเมืองการศึกษา (Edu Town ) เพื่อเป็นส่วนสนับสนุนให้ประเทศไทยได้เป็นศูนย์กลางการศึกษาและพัฒนาในด้านต่าง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ ไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนได้"นายวิกรม กล่าว
นายวิกรม กล่าวว่า แผนการลงทุนเพื่อพัฒนานิคมฯให้เป็นเมืองอัจฉริยะจะครอบคลุมการพัฒนาในด้านต่าง ๆ 10 ด้านหลัก คือ 1.พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) 2.การเดินทางอัจฉริยะ(Smart Mobility) 3.ชุมชนอัจฉริยะ (Smart Community) 4.สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) 5.ระบบการศึกษาอัจฉริยะ (Smart Education) 6.สายการผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) 7.เมืองอากาศยานอัจฉริยะ (Smart Aerospace City) 8.นวัตกรรมอัจฉริยะ (Smart Innovation) 9.ระบบเศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) และ 10.การบริหารจัดการเมืองแบบอัจฉริยะ (Smart Governance)
นายวิกรม กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือสมาร์ทชิตี้ตามแผนการลงทุนในระยะ 5 ปี (ปี 61-64) ของอมตะฯ โดยรูปแบบการลงทุนจะร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อดำเนินโครงการเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น บริษัทอินชอน สมาร์ทชิตี้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Incheon Smart City Corporation) ประเทศเกาหลี และบริษัท Saab AB จากประเทศสวีเดน เป็นต้น
นอกจากนี้กลุ่มอมตะฯ มีเป้าหมายในการพัฒนานิคมฯ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนานิคมฯที่ประเทศเวียดนามไปแล้วเป็นแห่งแรก และอมตะยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนไปยังประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนเพิ่มขึ้นโดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาในประเทศเมียนมา ซึ่งได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลท้องถิ่นย่างกุ้งและบริษัท แล้วเมื่อกลางปีที่ผ่านมา เนื่องจากอมตะได้เล็งเห็นศักยภาพตามยุทธศาสตร์การพัฒนาเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน ภายใต้ชื่อ One belt One Road ตามการพัฒนาเส้นทางการค้าการลงทุนของจีนในภูมิภาคอาเซียน
สำหรับการดำเนินธุรกิจพัฒนานิคมฯในประเทศเวียดนาม ปัจจุบันมี 2 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท อมตะซิตี้ เบียนหัว จังหวัดดองไน บนพื้นที่ 700 เฮกตาร์ หรือ 4,375 ไร่ ถือเป็นโครงการแรกที่อมตะเข้าพัฒนาในต่างประเทศ ซึ่งในขณะนี้มีนักลงทุนเข้าประกอบกิจการเกือบเต็มพื้นที่ ส่วนบริษัท อมตะซิตี้ ลองถั่น จังหวัด ดองไน โครงการที่ 2 บนพื้นที่ 1,270 เฮกตาร์ หรือ ประมาณ 8,000 ไร่ โดยแบ่งเป็นโครงการนิคม 33% และโครงการพัฒนาเมืองชุมชน 67% สำหรับในปีนี้ บริษัทจะเริ่มพัฒนาและเปิดขายพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคเป็นอันดับแรก โดยคาดว่าเงินลงทุนที่ต้องใช้สำหรับโครงการนี้ ประมาณ 10,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ อมตะฯ ยังได้ขยายไปยังภาคเหนือของเวียดนามที่เมืองฮาลอง จังหวัดกว่างนิงห์ ภายใต้ชื่อ บริษัท อมตะ ชิตี้ ฮาลอง (AMATA City Halong) ถือว่าเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ บนพื้นที่การลงทุนใหม่ขนาด 5,789 เฮกตาร์ หรือ ประมาณ 36,200 ไร่ โดยจังหวัดกว่างนิงห์ ถือเป็นจังหวัดชายแดนของเวียดนามที่ติดต่อกับประเทศจีนตอนใต้ มีการพัฒนาสาธารณปโภคที่สำคัญต่ออุตสาหกรรม เช่น ถนนใหม่ไฮเวย์หมายเลข 5 เชื่อมฮานอย-ไฮฟอง-ฮาลองที่ใกล้เสร็จเรียบร้อย การยกระดับท่าอากาศยานนานาชาติแคทบี่ Cat Bi ที่เสร็จเรียบร้อย และท่าเรือน้ำลึกหลักเฟี่ยน Lach Huyen ที่พร้อมเสร็จภายในต้นปีนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้ จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในภาคเหนือของประเทศเวียดนาม
ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตการลงทุน ต่อรัฐบาลกลาง โดยการสนับสนุนของรัฐบาลท้องถิ่น โดยกลุ่มอมตะฯวางแผนการลงทุนและพัฒนาในเฟสแรก บนพื้นที่ขนาด 714 เฮกตาร์ หรือ ประมาณ 4,500 ไร่ คาดว่า ต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 156 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 5,500 ล้านบาท โดยในปีนี้ คาดว่าจะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตการลงทุน พร้อมกับขอส่งเสริมให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ไปพร้อม ๆ กัน
ทั้งนี้ การลงทุนในเวียดนามทั้งหมด จะลงทุนผ่าน บมจ.อมตะ วีเอ็น (AMATAV) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งส่วนที่จะสร้างความเติบโตและความยั่งยืนให้กับกลุ่มอมตะ นอกจากนี้ ยังจะได้เริ่มมีการนำแนวคิดของเมืองอัจฉริยะรวมถึงการพัฒนาธุรกิจแบบยั่งยืนไปปรับใช้ด้วยเช่นกัน
ปัจจุบัน เมืองอุตสาหกรรมของอมตะมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค เป็นที่ตั้งของโรงงานผู้ผลิตชั้นนำและบางส่วนที่อยู่ใน Global Fortune 500 จำนวน 1,300 โรงงาน จากกว่า 30 ประเทศ มีการจ้างงานกว่า 300,000 อัตรา และมีมูลค่าการผลิตรวมกว่า 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (รวมทุกโครงการในประเทศไทยและเวียดนาม)
อนึ่ง กลุ่ม AMATA ได้จัดงานประจำปี 2561 ชื่อว่า AMATA BEYOND 2018 ภายใต้แนวคิด “Towards Smart City" พร้อมกับจัดการแสดงนิทรรศการ “AMATA SMART CITY EXHIBITION" ขึ้นเป็นครั้งแรก ในวันที่ 18-20 ม.ค.61 ณ อมตะคาสเซิล จ.ชลบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเวทีสำหรับลูกค้า คู่ค้า นักลงทุนจากต่างประเทศ นักศึกษา และบุคคลที่สนใจ เพื่อทำความรู้จักแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างเครือข่ายระหว่างกัน