นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1,810-1,830 จุด หลัก ๆ มาจากการรอดูว่าสหรัฐฯจะหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือ ชัตดาวน์บางองค์กรได้หรือเปล่า ซึ่งล่าสุดเช้านี้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯมีมติให้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว แต่ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้วุฒิสภาสหรัฐพิจารณาเป็นลำดับต่อไป ตรงนี้ทำให้เป็น Sentiment ที่ดีเล็ก ๆ ให้กับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยืนในแดนบวกได้
สำหรับบ้านเราจะต้องรอดูว่าจะผ่านแนว 1,830 จุดได้หรือไม่ หลังจากที่ทดสอบมา 3 ครั้งแล้วก็ยังไม่ผ่าน พร้อมให้ติดตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่พุ่งเกิน 2.6% แล้ว เนื่องจากกลัวว่าจะทำให้ตลาดสหรัฐฯปรับฐาน และยังกระทบมาฝั่งเอเชียด้วย อาจจะทำให้ Fund Flow ไหลกลับ
พร้อมให้แนวรับ 1,815-1,810 จุด ส่วนแนวต้าน 1,830 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ม.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,017.81 จุด ลดลง 97.84 จุด (-0.37%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,798.03 จุด ลดลง 4.53 จุด (-0.16%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,296.05 จุด ลดลง 2.23 จุด (-0.03%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 90.74 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.87 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 20.22 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 52.01 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.86 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.79 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.79 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ม.ค.61) 1,819.32 จุด ลดลง 9.56 จุด (-0.52%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 244.26 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ม.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ม.ค.61) ปิดที่ระดับ 63.95 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 2 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ม.ค.61) ที่ 5.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.90 แนวโน้มแข็งค่าจากแรงขายดอลล์ เหตุวิตกชัตดาวน์ในสหรัฐฯ
- "สมคิด" ปัดข่าว "แบงก์ชาติ" เข้าแทรกแซงค่าเงินบาท ย้ำแค่ดูแลไม่ให้ผันผวนเร็ว ยินดีให้สหรัฐเข้าตรวจสอบ มั่นใจทุกอย่างโปร่งใส "คลัง" ไม่ห่วงถูกขึ้นบัญชีดำ ขณะสภาความสัมพันธ์ต่างประเทศสหรัฐระบุชัดไทยส่อ เข้าเกณฑ์บิดเบือนค่าเงินทั้ง 3 ข้อ เสี่ยงถูกขึ้นบัญชีปั่นค่าเงิน
- รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศในครั้งนี้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3.4% ค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 305.44 บาท เป็น 315.90 บาท หรือเฉลี่ย 10.50 บาท มีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ต่ำสุด 0.0008% สูงสุด 0.1% หรือเฉลี่ย 0.05% ซึ่งถือว่าไม่มาก ผู้ผลิตจะใช้เป็นเหตุผลปรับขึ้นราคาสินค้าไม่ได้
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกของนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ส่งถึง รมว.คลัง เพื่อชี้แจงเหตุผลที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในปี 2560 อยู่ที่ระดับ 0.66% ต่ำกว่ากรอบล่างของเป้าหมายนโยบายการเงิน โดยเป็นผลมาจากราคาอาหารสดปรับลดลง และกำลังซื้อในประเทศยังอ่อนแอ แต่เศรษฐกิจโดยรวมฟื้นตัวดีขึ้น จึงไม่สะท้อนภาวะเงินฝืด
- ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มี.ค. 2561) อยู่ที่ 153.94 จุด เพิ่มขึ้น 2.08% เล็กน้อย มาอยู่ที่ 150.81 จุด และยังร้อนแรง หากมองเป็นนักลงทุนรายกลุ่มความเชื่อมั่นของกลุ่ม บัญชีบริษัทหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นมาสูงสุดถึง 50% ขณะที่สถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นไม่ถึง 1% ส่วนดัชนีนักลงทุนต่างประเทศมีมุมมอง ลดลง 2.78% และนักลงทุนรายบุคคลลดลง 3.61%
- สำนักงบประมาณ แจงรัฐบาลอัดงบกลางปี 2561 วงเงิน 1.5 แสนล้านบาทไม่ใช่ประชานิยม ยันเป็นการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ระบุมีขั้นตอนการเสนอ และใช้งบชัดเจน ตรวจสอบได้
*หุ้นเด่นวันนี้
- AP (ไอร่า) เป้า 10.20 บาท คาด Q4/60 มีกำไรสุทธิ 1,138 ลบ.(+79%QoQ แต่ -10%YoY) สูงสุดในรอบปี 60 จาก Backlog รอโอน ทั้งโครงการแนวราบและคอนโด ประมาณ 5,700 ลบ. และการส่งมอบโครงการคอนโดใหม่ อีก 3 โครงการ แบ่งเป็น (1) โครงการของ AP เอง 2 โครงการ ได้แก่ Aspire Erawan เฟส 1 มูลค่า 3,500 ลบ.มียอดขาย 44% และ Life Sukhumvit 48 มูลค่า 2,200 ลบ. มียอดขายแล้ว 100% และ (2) โครงการร่วมทุน ที่พร้อมส่งมอบ อีก 1 โครงการ ได้แก่ Rhythm Rangnam มูลค่า 2,700 ลบ. ขายหมดแล้ว 100% ซึ่งคาดเข้ามาช่วยเพิ่มส่วนแบ่งกำไรใน Q4/60 ขณะที่คาดทั้งปี 60 มีกำไรสุทธิ 3,087 ลบ. เติบโต 14%
- BBL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 244 บาท กำไร Q4/60 ดีกว่าคาด 8,496 ลบ. +4.1% Q-Q, +2.8% Y-Y จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากค่าธรรมเนียมการปล่อยสินเชื่อ (สินเชื่อ Q4/60 เติบโตดีสุดในปี) กำไรสุทธิปี 2560 อยู่ที่ 3.3 หมื่นลบ. +3.8% Y-Y จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดลง ส่วนคุณภาพหนี้ทรงตัว
- TMB (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 3.36 บาท กำไร Q4/60 อยู่ที่ 2,257 ล้านบาท ดีขึ้น 13%QoQ และ 6%YoY และดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า โดยสำรองหนี้ และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เป็นปัจจัยหนุนหลักในไตรมาสนี้ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิทรงๆ QoQ แม้สินเชื่อจะเติบโตดี แต่เป็นสินเชื่อที่ Yield ต่ำ พร้อมยังมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มปี 61 โดยเห็นศักยภาพในการเติบโตของรายได้ และการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรองหนี้
- BANPU (เคจีไอฯ) "ซื้อ"เป้าหมาย 24 บาท ขณะที่บริษัทแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าศาลฎีกามีกำหนดการพิจารณาพิพากษาคดีหงสาในวันที่ 6 มีนาคม 2561 เวลา 9.00 น. ซึ่งเคจีไอฯได้คำนวณผลกระทบจากคดีหงสาในกรณีเลวร้ายที่สุดเอาไว้ที่ 4.50 บาท/หุ้น โดยอิงจากการพิจารณาค่าเสียหายทั้งหมดตามศาลชั้นต้นที่ 3.17 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมผลกระทบใด ๆ จากคดีสงหาไว้ในการประเมินราคาหุ้นพื้นฐาน