หุ้น BANPU ราคาไหลลง 2.21% มาอยู่ที่ 22.10 บาท ลดลง 0.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 792.46 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.19 น. โดยเปิดตลาดที่ 22.30 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 22.40 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 22 บาท
บมจ.บ้านปู (BANPU) และบมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) แจ้งว่า สืบเนื่องจากที่ศาลแพ่งได้มีหมายนัดมายังบริษัท ให้ไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีแพ่งที่นายศิวะ งานทวี กับพวกฯเป็นโจทก์ฟ้องบริษัท กับพวกฯเป็นจำเลย โดยกล่าวอ้างว่าบริษัท กับพวกฯ ทำการหลอกลวงโดยเข้าร่วมทำสัญญาร่วมทุนกับนายศิวะกับพวกฯ เพื่อประสงค์จะได้ข้อมูลสัมปทานเหมืองถ่านหิน รวมทั้งรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ที่เมืองหงสา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (โครงการหงสา) และได้ใช้สิทธิไม่สุจริตในการรายงานเท็จทำให้รัฐบาลลาวยกเลิกสัมปทานของนายศิวะกับพวกฯ เพื่อที่บริษัทจะได้เข้าทำสัญญากับรัฐบาลลาวเอง
โดยศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ ตามหนังสืออ้างอิง บป.0957/145 ลงวันที่ 9 กันยายน 2557 โดยศาลได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในวันที่ 6 มีนาคม 2561 เวลา 9.00 น.
ทั้งนี้ เมื่อบริษัทได้รับทราบคำพิพากษาศาลฎีกาในวันที่ 6 มีนาคม 2561 แล้ว บริษัทจะแจ้งผลของคำพิพากษาศาลฎีกาต่อตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทราบต่อไป
ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ฯมีมุมมอง Positive ต่อประเด็นของ BANPU ที่แจ้งวันตัดสินคดีความโรงไฟฟ้าหงสาของศาลฎีกาที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 มี.ค นี้ ซึ่งทำให้ตลาดคลายความกังวลต่อระยะเวลาการพิจารณา โดยประเมินความเป็นไปได้ของคำตัดสิน เป็น 3 กรณี (1) Best Case บ้านปูชนะคดี คาดว่าราคาหุ้นจะมี upside ที่จำกัด โดยเรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้น ราว 30% สะท้อนประเด็นนี้ไปในระดับหนึ่งแล้ว (2) บ้านปูแพ้คดี โดยศาลฎีกายืนคำตัดสินตามศาลแพ่ง ประเมินผลกระทบที่ 6.14 บาทต่อหุ้น (3) Worst Case บ้านปูแพ้คดี โดยศาลฯ มีคำตัดสินชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดตามที่โจทก์ฟ้อง ประเมินผลกระทบที่ 12.30 บาทต่อหุ้น
อย่างไรก็ตาม จะประเมินผลกระทบต่อราคาหุ้นอีกครั้ง ในกรณีที่บ้านปูต้องชดใช้ค่าเสียหาย เนื่องจาก จำนวนและระยะเวลาการชดใช้รวมถึงดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลฎีกาในวันที่ 6 มี.ค.