นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและให้นโยบาย บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. ว่า ขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายในเรื่องการท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อลดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาสู่ส่วนกลางและแหล่งท่องเที่ยวหลัก ดังนั้น จึงมีนโยบายให้ ทอท.ช่วยบริหารสนามบินภูมิภาคของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เพื่อแบ่งเบาภาระผู้โดยสารสนามบินหลัก
โดยจะเร่งหารือกับทอท.และทย.ให้ได้ข้อยุติใน 3-6 เดือน โดยหลักจะเป็นการพิจารณา ให้สนามบินหลัก และพ่วงสนามบินย่อยไปด้วย แบบคลัสเตอร์ เพื่อโอนนักท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองให้มากขึ้น และทำเส้นทางการบินให้เกิดความสะดวกในการเชื่อมต่อการเดินทางด้วย
“สนามบินของทย.ส่วนใหญ่เป็นขนาดเล็ก ดังนั้นยังมีเรื่องที่ต้องลงทุนพัฒนาอีกมาก ขณะที่ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะระบุจุดหรือแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองที่มีแนวโน้มเติบโต และต้องการโปรโมท ขณะที่ ทอท.ยังไม่มีสนามบินในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และยังสามารถเชื่อมการท่องเที่ยวไปยังประเทศสปป.ลาว ,กัมพูชาอีกด้วย ส่วนภาคเหนือตอนใต้ โซนจังหวัด สุโทัย กำแพงเพชร เป็นคลัสเตอร์ที่ดี ภาคใต้ตอนกลาง ตอนบน ที่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ดี" นายไพรินทร์ กล่าว
รมช.คมนาคม ยังกล่าวว่า ทอท.มีผลประกอบการดีเยี่ยม ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวปี 2560 มีจำนวนมากถึง 35 ล้านคน อีกทั้งยังมีความนิยมเดินทางด้วยสายการบินต้นทุนต่ำ โดยเฉพาะคนไทยมีการใช้บริการสายการบินต้นทุนต่ำถึง 60 ล้านคน ทำให้จำนวนผู้เดินทางโดยทางอากาศรวมถึง 100 ล้านคน ซึ่งสนามบินของทอท.มีส่วนแบ่งการตลาด ประมาณ 75% ปัจจุบัน สนามบินสุวรรรภูมิ และดอนเมืองมีความแออัดมาก รวมถึง สนามบินภูเก็ต เชียงใหม่ ก็มีความแออัดไม่แพ้กัน
ดังนั้น ทอท.มีแผนการขยายขีดความสามารถ เช่น โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส2 และโครงการรันเวย์ที่ 3 แต่การพัฒนาขยายไม่ทันกับการเติบโตของผู้โดยสาร และเชื่อว่าตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปผู้โดยสารทางอากาศจะเติบโตสูงมากๆ จนถึงปี 65 ที่ระบบราง รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูงความร่วมมือไทย- จีน เส้นทางกรุงเทพ -นครราชสีมา จะก่อสร้างเสร็จซึ่งจะช่วยแบ่งเบาผู้โดยสารภายในประเทศลงได้