นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซันสวีท (SUN) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวาน ภายใต้ตราสินค้า “KC" เปิดเผยว่า บริษัทฯวางเป้าหมายระยะยาว 3 ปี (ปี 61-63) ยอดขายจะอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1,700 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี ซึ่งบริษัทฯจะยังคงเน้นตลาดประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นบริโภคข้าวโพดหวานเป็นอันดับ 2 ของโลก มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท/ปี “ปัจจุบันเราส่งขายไปยังญี่ปุ่นประมาณ 400 ล้านบาทต่อปี และมองว่าตลาดญี่ปุ่นยังมีศักยภาพและโอกาสอีกมาก เพราะญี่ปุ่นปลูกข้าวโพดหวานเองได้แค่ 3 เดือน เนื่องจากอากาศหนาวทำให้ข้าวโพดหวานไม่เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ และประเทศไทยยังมี FTA กับญี่ปุ่นทำให้ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ซึ่งส่งผลดีทำให้ได้เปรียบทางด้านราคาเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ขณะเดียวกันในปี 63 ญี่ปุ่นยังเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกทำให้ร้านอาหาร โรงแรมและภัตตาคารต่าง ๆ มีความต้องการใช้ข้าวโพดหวานเพื่อประกอบอาหารเพิ่มขึ้นอย่างมาก"นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทฯจะเปิดตลาดใหม่แถบตะวันออกกลาง อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ คูเวต เลบานอน ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายในประเทศแถบนี้ได้ โดยปัจจุบันบริษัทฯส่งออกผลิตภัณฑ์ไปขายประเทศแถบตะวันออกกลางโดยเน้นประเทศอิหร่านที่มีมูลค่ายอดขายประมาณ 100 ล้านบาท/ปี ขณะที่แถบอาเซียนก็จะเน้นทำการตลาดประเทศที่บริโภคอาหารฮาลาล อาทิ อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ มาเลเซีย บรูไน และสุดท้ายบริษัทจะกลับไปทำการตลาดประเทศรัสเซียอีกครั้งเนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศรัสเซียเริ่มฟื้นตัว
ทั้งนี้ ในด้านวัตถุดิบบริษัทฯจะมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยี (Smart Farm) เข้ามาใช้สนับสนุนเกษตรกรในการปลูกข้าวโพดหวาน โดยคาดว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3-4 ตัน/ไร่ จากปัจจุบันที่อยู่ 2 ตัน/ไร่ รวมถึงบริษัทฯยังได้หาพื้นที่ปลูกข้าวโพดหวานแห่งใหม่ในประเทศแถบเพื่อนบ้านด้วย
“เพื่อความมั่นคงและสม่ำเสมอต่อเนื่องในระยะยาวของวัตถุดิบ นอกจากการนำ Smart Farm เข้ามาส่งเสริมให้กับเกษตรกรแล้ว บริษัทยังได้หาพื้นที่ปลูกข้าวโพดใหม่ ๆ ในประเทศเพื่อนบ้านเบื้องต้นทางบริษัทได้เข้าไปคุยกับตัวแทนเป็นที่เรียบร้อยแล้วและคาดว่าปลายปีนี้น่าจะส่งวัตถุดิบให้กับทางบริษัทฯได้ "นายองอาจ กล่าว
ด้านนายเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของ SUN เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ของ SUN จะส่งผลให้ผลประกอบการเติบโตในอนาคตทั้งทางด้านยอดขายและความเข้มแข็งของฐานะทางการเงิน เพราะสามารถนำเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวน 727.81 ล้านบาท ไปใช้ในการลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อขยายกำลังการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต จำนวน 260 ล้านบาท ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน จำนวน 50 ล้านบาท รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ จำนวน 417.81 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจากแผนงานดังกล่าวจะทำให้ผลประกอบการของ SUN เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ การบริโภคข้าวโพดหวานทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 45,000 ล้านบาท/ปี และประเทศไทยส่งออกข้าวโพดหวานมีมูลค่าเพียง 7,500 ล้านบาท/ปี ซึ่งนับว่ายังมีตลาดที่สามารถเติบโตได้อีกมาก