นายโอภาส โลพันธ์ศรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศ บมจ.มาลีกรุ๊ป (MALEE) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายต่างประเทศของมาลีกรุ๊ป จาก 40% เป็น 60% ภายใน 3 ปี หลังล่าสุดได้ใช้เงินราว 330 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการในต่างประเทศครั้งแรกกับบริษัทร่วมทุน ลอง ควน เซฟ ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตเครื่องดื่มในประเทศเวียดนาม ด้วยสัดส่วนกากรถือหุ้น 65% เพื่อเสริมฐานการผลิตเครื่องดื่มสำหรับตลาดประเทศเกิดใหม่ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างการเติบโตให้แก่บริษัท
การลงทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตเครื่องดื่มของบริษัท เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มผู้มีรายได้ระดับปานกลางจนถึงระดับทั่วไปในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งถือเป็นหนึ่งยุทธศาสตร์ที่เป็นรูปธรรมในการรุกตลาดระหว่างประเทศ เพื่อขึ้นแท่นสู่เป้าหมายการเป็นผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพระดับโลกในปี 64 ของมาลีกรุ๊ป
นอกจากนี้มีความได้เปรียบในเรื่องการแข่งขันด้านราคา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเจาะตลาดในวงกว้างในประเทศเกิดใหม่ในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งมีช่องทางการจัดจำหน่ายครอบคลุมในประเทศเวียดนาม ช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันจากพันธมิตรที่แข็งแกร่งและการกระจายสินค้าเข้าถึงทุกภาค โดยเฉพาะภาคใต้ของประเทศเวียดนาม
"จากการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างประเทศกว่า 3 ปีที่ผ่านมา เป็นการเข้าถึงการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มอย่างมีศักยภาพในระดับภูมิภาค และสำหรับตลาดประเทศเกิดใหม่ในอาเซียน เราได้ร่วมมือกับบริษัทท้องถิ่นที่ไม่ได้มีแค่ความเข้าใจเป็นอย่างดีในเรื่องความต้องการของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการกระจายสินค้าที่แข็งแกร่งครอบคลุมตลาดหลักที่เกี่ยวข้องอีกด้วย ในปัจจุบันเราได้ทำการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศฟิลิปปินส์กับบริษัท มอนเด นิชชิน คอร์ปอเรชั่น และในประเทศอินโดนีเซียกับบริษัท พีที คีโน่ อินโดนีเซีย และล่าสุดกับการเข้าซื้อบริษัทร่วมทุน ลอง ควน เซฟ ฟู้ด จำกัด โดยการร่วมทุนเป็นการทำกลยุทธ์แบบสร้างเครือข่ายในระดับภูมิภาคด้วยการนำเอาจุดแข็งของพันธมิตรในแต่ละประเทศมาเสริมแกร่งซึ่งกันและกัน อันจะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันเพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดและยั่งยืนให้กับเราในระดับภูมิภาค"นายโอภาส กล่าว
นางสาวรุ่งฉัตร บุญรัตน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ ของ MALEE คาดว่ายอดขายรวมปี 62 จะแตะ 1 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปี 61 ที่คาดทำได้ราว 8 พันล้านบาท หรือเติบโต 30% จากราว 6-7 พันล้านบาทในปี 60 ที่ยอดขายปรับตัวลดลง เนื่องจากปีที่ผ่านมาบริษัทได้เตรียมความพร้อมทั้งเครื่องจักร บุคลากร และสร้างทีมรองรับการเติบโต
ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) คาดว่าในปี 62 จะอยู่ที่ระดับ 10% หลังได้รับประโยชน์จาก Economy of scale ที่บริษัทได้เข้าลงทุน บริษัท ลอง ควน เซฟ ฟู้ด จำกัด ซึ่งมีกำลังการผลิต 300 ล้านลิตร/ปี ทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มเท่าตัวเป็น 630 ล้านลิตร/ปี แต่ในปีนี้อัตรากำไรสุทธิยังอยู่ในระดับไม่ถึง 10%
"ปีที่แล้วเตรียมความพร้อม ยอดขายปีนี้ที่จะแตะ 1 หมื่นล้านบาทต้อง delay ออกไป เป็นปีหน้า ในปี 2018-2019-2020 จะเติบโตก้าวกระโดดเรามีความพร้อม มี platform ในต่างประเทศ" นางสาวรุ่งฉัตร กล่าว
นางสาวรุ่งฉัตร กล่าวว่า ปีที่แล้วส่วนแบ่งการตลาดน้ำผลไม้ของ MALEE ลดลง 8% จากมูลค่าตลาดรวม 1.25 หมื่นล้านบาท และส่วนแบ่งตลาดน้ำผลไม้พรีเมียมลดลง 7% จากที่มีส่วนแบ่งอยู่ 20% ของมูลค่าตลาดรวม 5 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี MALEE จะไม่เน้นตลาดผลไม้อีกแล้ว แต่อนาคตจะมีสินค้าใหม่ ๆ เข้าเจาะตลาด Mass มากขึ้น
ส่วนการเข้าซื้อกิจการบริษัท ลอง ควน เซฟ ฟู้ด จำกัด ในสัดส่วน 65% นั้นคาดว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการซื้อขายภายในเดือน มิ.ย.61 และจะรับรู้รายได้ในงบการเงินรวมไตรมาส 3/61 ทั้งนี้ จะมีสัดส่วนรายได้จากลอง ควนฯ ราว 5-6% ของรายได้รวม
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนนำผลิตภัณฑ์ของลอง ควนฯ เข้ามาจำหน่ายในไทยในช่วงไตรมาส 3/61 เพื่อนำมาเจาะตลาด Mass ขณะเดียวกันจะเข้าไปปรับการตลาดให้ราคาสินค้าสูงขึ้น โดยปัจจุบันสินค้าของลอง ควนฯมีราคาต่ำมาก
นางสาวรุ่งฉัตร กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีแผนซื้อกิจการอื่นอีก เพราะบริษัทต้องการโฟกัสธุรกิจที่ได้เข้าลงทุน 3 แห่งใน 3 ประเทศ คือ ลอง ควนฯในเวียดนาม ที่สัดส่วน 65% หรือคิดเป็นมูลค่า 330 ล้านบาท ,บริษัทร่วมทุนในฟิลิปปินส์ กับ Monde Nissin Corporation ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศฟิลิปปินส์ และในอินโดนีเซีย เป็นการร่วมทุนกับกลุ่มบริษัท พีที คีโน่ อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ของประเทศอินโดนีเซีย
ขณะที่บริษัทตั้งเป้าหมายสัดส่วนจากยอดขายต่างประเทศเพิ่มเป็น 60% จาก 40% ภายใน 3 ปี (ปี 61-63) โดยมีตลาดสำคัญในอาเซียน และจีน