นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ กล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ "ศักยภาพเศรษฐกิจไทยและทิศทางการลงทุนปี 2018"ว่า สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้มองว่ายังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกแต่อยู่ในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1,800 จุด โดยมองว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งแรงหนุนจากการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และการฟื้นตัวของกำลังซื้อของภาคเอกชนที่ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเม็ดเงินลงทุนต่างชาติยังคงไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ติดตามความชัดเจนการเลือกตั้งว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ซึ่งหากเกิดการเลือกตั้งตามกรอบระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้ก็จะเป็นผลบวกต่อเนื่องกับภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย แต่หากมีการเลื่อนออกไปเป็นปี 62 จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกจะยังคงปรับตัวขึ้นขึ้นได้อย่างต่อเนื่องอีก 2 ปี ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากการการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ที่จะส่งผลให้ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่างๆฟื้นตัวขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับแม้ว่าสหรัฐฯ จะเริ่มชะลอการเพิ่มสภาพคล่องแล้ว แต่ภาพรวมสภาพคล่องทั่วโลกยังคงล้นตลาดอยู่ เนื่องจากสหภาพยุโรป และประเทศญี่ปุ่น ยังคงเพิ่มสภาพคล่องเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เงินจากกองทุนต่างๆไหลเข้ามายังตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
"ทิศทางเศรษฐกิจโลกปีนี้จะถือว่าดีที่สุดในรอบ 10 ปี โดยส่วนใหญ่ประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ 3.8% โดยเป็นปีที่ไม่มีเศรษฐกิจประเทศไหนที่ถดถอย ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจที่เป็นแบบนี้จะช่วยให้กำลังซื้อทั่วโลกกลับมา และการลงทุนทั้งของภาครัฐและเอกชนกลับมาเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจที่เติบโตมากเกินไป ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็ว และอาจจะทำให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุน และเกิดความผันผวนของการเงินโลกได้"
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงต้นปี 61 ที่ปรับตัวขึ้นมามาก ยังถือว่าไม่ร้อนแรงมาก เพราะรับปัจจัยดีจากภาวะเศรษฐกิจโลกดีขึ้น โดยเฉพาะ G3 และส่งผลให้การส่งออกดีขึ้น ส่วนการท่องเที่ยวของไทยช่วงนี้ชะลอเล็กน้อยแต่ก็ยังเติบโตได้ดี
ปัจจัยที่ยังเฝ้ารอดูแผนการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ถ้าเดินหน้าต่อจะสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุน และเป็นปัจจัยบวกดีขึ้น
ส่วนปัจจัยการเมืองที่มีแนวโน้มเลื่อนการเลือกตั้งมีผลต่อความเชื่อมั่น ต้องรอดูชัดเจนในไตรมาส 3/61 โดยหากเลื่อนการเลือกตั้งไม่มากจากโรดแมพที่ให้ไว้ก็จะไม่กระทบมากนัก แต่หากเลื่อนออกไปมากก็อาจกระทบระยะสั้น
อย่างไรก็ตามการลงทุนหุ้น ยังให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนอื่น โดยการลงทุนหุ้นได้ผลตอบแทนปีละ 12% และลงทุนกองทุนหุ้นระยะยาวปีละ 20-30%