(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่ง Sideway Up เล็ง Fund Flow ไหลเข้าหลัง US Dollar Index อ่อนค่าสุดในรอบ 3 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 24, 2018 09:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway Up คาดว่าจะได้อานิสงส์จาก US Dollar Index อ่อนค่าสุดในรอบ 3 ปี ซึ่งจะหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้า และเงินบาทก็แข็งค่าด้วย

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ขยับเข้าใกล้บริเวณ 65 เหรียญฯ/บาร์เรล อันเป็นผลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า ทำให้อุปสงค์น้ำมันคาดว่าจะดีขึ้น และสต็อคน้ำมันของสหรัฐฯก็น่าจะลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้จะอิงไปทางติดลบเล็กน้อยเฉลี่ย 0.1% โดยวันนี้ให้ติดตามการประกาศผลประกอบการของ SCC และติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตของหลายประเทศทั่วโลก ทั้งญี่ปุ่น, สหรัฐฯ, ยุโรป

พร้อมให้แนวรับ 1,824-1,825 ถัดไป 1,815-1,820 จุด ส่วนแนวต้าน 1,835-1,840 ถัดไป 1,850 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 ม.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,210.81 จุด ลดลง 3.79 จุด (-0.01%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,839.13 จุด เพิ่มขึ้น 6.16 จุด (+0.22%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,460.29 จุด เพิ่มขึ้น 52.26 จุด (+0.71%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 97.72 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 23.47 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 24.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,533.86 จุด ลดลง 2.74 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.60 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.08 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ม.ค.61) 1,831.78 จุด เพิ่มขึ้น 7.72 จุด (+0.42%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 444.35 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ม.ค.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 ม.ค.61) ปิดที่ระดับ 64.47ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ม.ค.61) ที่ 5.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.75 แข็งค่าในรอบ 42 เดือนตามทิศทางภูมิภาคจากแรงขายดอลล์
  • "แบงก์ชาติ" ปัดแทรกค่าเงิน เพื่อหวังผลทางการค้า ย้ำทำเพื่อดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้ผันผวนเร็วจนกระทบภาคธุรกิจ ชี้เรื่องบัญชีบิดเบือนค่าเงินของสหรัฐ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยชี้แจงหลายรอบแล้ว พร้อมประเมินแนวโน้มเงินบาทยังผันผวน เตือนผู้เกี่ยวข้องประกันความเสี่ยง ขณะ "เครดิต สวิส" มองบาทแข็งแตะ 31.5 ต่อดอลลาร์
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ประกาศปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจโลกปี 2561 โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะเติบโตได้ถึง 3.9% หรือเพิ่มขึ้น 0.2% จากคาดการณ์เดิมเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้วที่ 3.7% โดยเป็นความต่อเนื่องจากในปี 2560 ที่เศรษฐกิจใน 120 ประเทศขยายตัวดีขึ้น ทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา หรือคิดเป็นสัดส่วน 3 ใน 4 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ทั่วโลกกำลังเติบโตแบบทั่วถึงกันมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งหนังสือชี้แจงมายังกระทรวงการคลังต่อกรณีที่เงินเฟ้อในปี 2560 ต่ำกว่ากรอบที่ ธปท.ตกลงไว้กับกระทรวงการคลังที่ 1-4% โดย ธปท.ชี้แจงว่าที่เงินเฟ้อเคลื่อนไหวหลุดกรอบลงไปอยู่ที่ 0.66% มาจากราคาอาหาร ราคาสินค้าเกษตรอยู่ในระดับที่ต่ำ ไม่ใช่เป็นเพราะไม่มีการใช้จ่าย แต่เป็นปัญหาด้านซัพพลาย (อุปทาน) ที่กระทบต่อระดับราคาและเงินเฟ้อ แต่เชื่อว่าในระยะกลางเงินเฟ้อจะกลับเข้ามาอยู่ในกรอบที่มีการกำหนดไว้ได้ และปีนี้ก็เชื่อว่าเงินเฟ้อจะเข้ากรอบบวกลบ 1.5% หรือ 1-4% ได้
  • นายแบงก์ส่งสัญญาณเริ่มวิตกกระแสเลื่อนการเลือกตั้ง เผยเป็นปัจจัยเพิ่มเสี่ยงต่อเป้าการขยายตัวเศรษฐกิจ ต่อจากปัญหาเงินบาทแข็งยังไม่จาง จับตากลางปีแข็งสุด 31.20 บาทต่อดอลล์ สวนทางเอกชนยังมองไม่กระทบความเชื่อมั่นการค้าและลงทุน

*หุ้นเด่นวันนี้

  • PTTEP (ไอร่า) เป้า 130 บาท ได้รับประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น คาด Q4/60 ผลการดำเนินงานกลับมาเป็นปกติ หลังมีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ จากการปรับประมาณการผลิตของแหล่งออยล์แซนด์ที่แคนาดา จำนวน 18,505 ล้านบาท เมื่อ Q3/60 ที่ผ่านมา โดยคาดในช่วง Q4/60 มีกำไรสุทธิ 8,191 ล้านบาท ส่วนหนึ่งคาดจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนหลังเงินบาทแข็งค่า ประมาณ 3,200 ล้านบาท ขณะที่คาดผลกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) อ่อนตัวลงเล็กน้อยจาก SG&A ที่ปกติจะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปี โดยคาดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยจะทรงตัวอยู่ที่ 29 USD/boe ในช่วง Q4/60 พร้อมคาดปี 61 ยังมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง โดยคาดกำไรสุทธิ +65% อยู่ที่ 31,827 ล้านบาท
  • ROBINS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 85 บาท แม้แนวโน้ม SSSG ใน Q4/60 อาจติดลบต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 แต่ด้วยการรับรู้รายได้จากสาขาใหม่ การปรับ Product Mix ได้ดี และมีรายได้ค่าเช่าเติบโตต่อเนื่อง ทำให้คาดกำไรปกติ 4Q60 จะทำจุดสูงสุดใหม่ ซึ่งเติบโตดี +38% Q-Q, +10% Y-Y ทำให้กำไรปกติปี 2560 โต +7% Y-Y และคาดกำไรจะกลับมาเติบโตได้มากขึ้นในปีนี้ จากกำลังซื้อในประเทศฟื้นตัว และยังมีแผนเปิดสาขาใหม่ในรูปแบบ Lifestyle Center ที่ช่วยหนุนรายได้ค่าเช่า โดยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 +15% Y-Y
  • SPCG (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 27.25 บาท แนวโน้มกำไร Q4/60 คาดจะทำสถิติใหม่ / valuation มีส่วนลดจากกลุ่มพลังงานถึง 47% / กำลังจะเข้ารอบปันผลอีกครั้งสำหรับ 2H60 (คาด 0.75 บาท หรือ 3.3% หากยังไม่มีลงทุนใหญ่) ขณะที่ตลาดโซล่าร์บนหลังคา ทางการก็ขยายการสนับสนุนไปอีก 2 ปี ทำให้จะยังคงเป็น Organic growth ได้จากหุ้นตัวนี้ พร้อมคาดกำไรสุทธิ Q4/60 จะทำสถิติใหม่ที่ 678 ล้านบาท ขยายตัว 24% QoQ และ 8% YoY

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ