แต่อย่างไรก็ตาม หน้าที่ของ ก.ล.ต.และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีเพียงการตรวจสอบความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อที่จะส่งหลักฐานให้กับทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบ และหากตัดสินว่ามีมูลความผิดจริง ปปง.ก็มีอำนาจในการยึดทรัพย์ใดๆ ตามที่เห็นสมควร แต่หากมีการยึดสินทรัพย์ที่เป็นหุ้นจะไม่มีผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนนั้นๆ
พร้อมกันนี้จะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นนั้น ๆ ว่ามีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งหากรู้เห็นด้วยจะถูกดำเนินคดีเพื่อเอาผิดด้วย
ด้านนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลท.ระบุว่า อำนาจในการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นหน้าที่ของ ก.ล.ต. โดย ตลท.เป็นผู้ส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการตรวจสอบเท่านั้น
พร้อมยืนยัน ตลท.พร้อมให้ความร่วมมือด้านข้อมูล อาทิ พฤติกรรมการซื้อ-ขายหุ้น ดังนั้น จึงให้ผู้ที่ออกมาระบุว่ามีข้อมูลการกระทำผิดส่งข้อมูลมาให้ ตลท.หรือ ก.ล.ต. เพื่อให้การสืบสวนดำเนินการรวดเร็วมากขึ้น ส่วนท้ายที่สุด เมื่อผลออกมาแล้วว่าเป็นการกระทำผิดจริง และทาง ปปง. มีหนังสือแจ้งยึดทรัพย์มาถึง ตลท.ก็จะปฏิบัตตามกฎหมายต่อไป