บมจ.ไฟร์เทรดเอ็นจิเนรียริ่ง (FTE) ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 20% แตะ 1,150 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากงานจำหน่ายอุปกรณ์ดับเพลิง 65% งานรับเหมาติดตั้งระบบดับเพลิง 35% โดยขณะที่มีงานในมือ (Backlog) แล้ว 380 ล้านบาท และจะรักษาอัตรากำไรสุทธิในระดับ 12-13% ซึ่งบริษัทมีแผนขยายฐานลูกค้างานรับเหมาติดตั้งระบบดับเพลิงครบวงจรทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมทั้งเปิดสาขาระยองภายในเดือน มี.ค.61 เพื่อบุกตลาดภาคตะวันออก รวมทั้งเตรียมแผนรุกขยายบริการครอบคลุมทั่วประเทศและตลาด CLMV
นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ FTE กล่าวว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทจะเน้นการดำเนินงานใน 3 ส่วน ประกอบด้วย การขยายฐานลูกค้างานรับเหมาออกแบบติดตั้งระบบฯมากขึ้น เข้าประมูลงานของทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง อาทิ การไฟฟ้านครหลวง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ
การขยายพื้นที่ให้บริการในประเทศ เปิดสาขาใน จ.ระยอง เพื่อให้บริการลูกค้าทั้งในส่วนของงานรับเหมาและจำหน่ายอุปกรณ์ คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในช่วงมีนาคม 61 และเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/61 และการเพิ่มประสิทธิภาพด้านงานขาย โดยเพิ่มทีมขายที่มีความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ รองรับความต้องการใช้งานของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง
"ตลาดอุปกรณ์ดับเพลิงปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี ความต้องการใช้งานยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากการบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคาร โรงงานอุตสาหกรรม ที่กำหนดมาตรฐานของระบบดับเพลิงให้มีความปลอดภัยมากขึ้น การลงทุนโครงการใหม่ การพัฒนาระบบดับเพลิง ของภาครัฐ-ภาคเอกชน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนในอนาคตจากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะดึงดูดให้ผู้ประกอบการชาวไทยและต่างชาติตัดสินใจเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น"นายทักษิณ กล่าว
สำหรับมูลค่า Backlog แบ่งเป็นงานจัดจำหน่าย 120 ล้านบาท งานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิง 260 ล้านบาท อาทิ โครงการ ปรับปรุงระบบดับเพลิงสถานีไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และมีโครงการที่อยู่ระหว่างรอผลพิจารณางานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงเพิ่มเติมอีก 18 โครงการ มูลค่าประมาณ 370 ล้านบาท คาดว่าบริษัทจะได้รับงานมูลค่าราว 250 ล้านบาท
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ในช่วงปี 61-63 บริษัทจะสามารถรักษาการเติบโตของรายได้ไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดอุปกรณ์ดับเพลิงและงานรับเหมาติดตั้งระบบฯ อีกทั้งบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมากขึ้นจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งผลให้การบริหารจัดการด้านต่างๆ การขยายฐานลูกค้า การขยายพื้นที่ให้บริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าในอนาคตบริษัทจะมีการขยายสาขาออกไปอย่างต่อเนื่องในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของภาคต่างๆ
นอจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะขยายตลาดเข้าไปในประเทศกลุ่ม CLMV โดยจะเริ่มจากในประเทศเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการจัดตั้งบริษัทและกฎหมายต่างๆ พร้อมกับเปิดสำนักงานขาย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 61 นี้