นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST เปิดเผยว่าแนวโน้มตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ (29 ม.ค. - 2 ก.พ.) ว่า จากสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดมีความผันผวนค่อนข้างมาก เป็นผลมาจากการที่นักลงทุนยังรอติดตามปัจจัยผลทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในสัปดาห์นี้ด้วยตัวแปรหลายตัวเริ่มคลี่คลายออกมา ทั้งเรื่องกำหนดการเลือกตั้ง ที่มองว่าไม่ได้ออกมาเป็นลบเท่าที่ตลาดคาด , ค่าเงินดอลลาร์เริ่มมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น, และผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ไม่ได้มีการสร้างความประหลาดใจแก่นักลงทุนต่อเรื่องมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ดังนั้น จึงมองว่าปัจจัยเหล่านี้จะส่งเป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้สามารถปรับตัวขึ้นได้
แต่ก็มียังปัจจัยที่อาจมีผลต่อตลาดในสัปดาห์นี้ คือ เรื่องค่าเงินดอลลาร์ , การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระหว่างวันที่ 30-31 ม.ค. , รายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยุโรป ในวันที่ 30 ม.ค., และมาตรการค่าแรงขั้นต่ำของไทยที่คาดว่าจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 30 ม.ค.)
สำหรับกลยุทธ์ลงทุน คาดว่าตลาดจะมีการปรับตัวขึ้นแต่จะไปด้วยหุ้นบางกลุ่ม หุ้นที่จะขึ้นได้จะมีทั้งหุ้นที่มีข่าวเฉพาะตัว และหุ้นที่ถูกขายไปในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา KTBST ปรับคำแนะนำโดยรวมเป็นการให้ "ถือ" ไว้เนื่องจากประเมินตลาดหุ้นยังมีโอกาสเดินหน้าต่อ แต่ช้าลง สำหรับการเข้าเก็งกำไร KTBST แนะนำหุ้นกลุ่มนำ 3 กลุ่ม ประกอบด้วย พลังงาน (PTTEP, TOP, SPRC, LANNA) กลุ่มโทรศัพท์ (TRUE) และกลุ่มนิคมฯ (WHA, AMATA) ส่วนหุ้นที่เลือกมาเป็นรายตัว หุ้นล้อกับทิศทางตลาด (KBANK) รวมไปถึงหุ้นที่เก็งงบไตรมาส 4/60 (MTLS)
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 1 ก.พ. คาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% จากช่วงก่อนหน้า โดยการประชุมรอบดังกล่าวจะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ก่อนที่จะหมดวาระในเดือนก.พ.ที่จะถึงนี้ ขณะที่ตลาดยุโรปต้องติดตามการรายงานตัวเลข GDP ของยุโรป คาดว่าจะออกมาที่ 2.8% ดีขึ้นจากช่วงก่อนหน้ารวมถึงอัตราการว่างงานคาดว่าจะออกมาที่ 8.7% ทรงตัวจากช่วงก่อนหน้า
ส่วนประเทศไทยจะมีการรายงานอัตราการว่างงาน คาดว่าจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากช่วงก่อนหน้าที่ 1.1% สู่ระดับ 1.2% และตัวเลขเงินเฟ้อคาดว่าจะฟื้นตัวได้จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น คาดว่าจะออกมาที่ 0.99% ในขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานนั้นคาดว่าจะยังคงทรงตัวอยู่ระดับ 0.65%
ขณะเดียวกันติดตามมาตรการค่าแรงขั้นต่ำที่อาจเข้า ครม. วันอังคารนี้ โดยทางคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ได้ข้อสรุปปรับขึ้นอัตราค่าจ้างทั่วประเทศ แบ่งเป็น 7 ระดับต่ำสุดอยู่ที่ 308 บาท ในกลุ่มจังหวัดสามชายแดนภาคใต้ และสูงสุดอยู่ที่ 330 บาท ซึ่งมองว่าโอกาสในการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวมีค่อนข้างสูง หากครม.อนุมัติก็จะเริ่มใช้ เม.ย.นี้เลย นอกจากนี้ยังมีมาตรการบรรเทาผลกระทบให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่มียอดขายไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อปี