นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดการสรรหาเอกชนร่วมลงทุน (PPP) เพื่อบริหารพื้นที่เขิงพาณิชย์ทั้งภายในสนามบินสุวรรณภูมิ และพื้นที่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิในเดือน ก.พ.-มี.ค.61 คาดว่าจะได้ข้อสรุปผลการสรรหาภายในไตรมาส 2/61
ทั้งนี้ พื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ ที่ดินแปลง 37 มีจำนวน 700-800 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่เช่าของกรมธนารักษ์ เหลืออายุสัญญาประมาณ 15 ปี หรือสิ้นสุดในปี 75 และต้องจ่ายอัตราผลตอบแทนจากสินเทรัพย์ (ROA) ซึ่งขณะนี้ AOT รอผลการแก้ไขการใช้พื้นที่ราชพัสดุกับอัตราผลตอบแทนจากกรมธนารักษ์ก่อน ซึ่งคาดจะแก้ไขเสร็จแล้วในเดือนก.พ.หรือมี.ค.นี้จากนั้นจะเปิดสรรหาเอกชน ทั้งนี้ อัตรา ROA จะเก็บตามกิจกรรม คือ พื้นที่ commercial เสียอัตรา 3% ถ้าเป็น Free Zone เสีย ROA 0.01%
ขณะเดียวกัน AOT ยังมีที่ดินแปลงถนนวัดศรีวารีน้อย 723 ไร่ ซึ่งอยู่ใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยพื้นที่ดังกล่าว AOT เป็นเจ้าของ ก็จะเปิดสรรหาเอกชนมาพัฒนาพื้นที่โครงการในคราวเดียวกัน โดยเมื่อธ.ค.60 บริษัทได้ทำ Market Sounding แล้ว และมีเอกชนเข้ามายื่นข้อเสนอจำนวนมาก โดยมีทั้งบริษัทคนไทย บริษัทร่วมทุน และบริษัทต่างชาติ
"เรื่องการแก้ไขการใช้ที่ราชพัสดุคาดว่าแก้ไขเสร็จในเดือนก.พ.หรือมี.ค. ซึ่งตอนนี้เอกชนก็สามารถยื่นข้อเสนอมาได้ก่อน หลังจากที่เราทำ Market Sounding ก็มีคนสนใจเยอะ อาจจะดูเฟสแรก เพราะ 2 พื้นที่รวมกันประมาณ 1,700 ไร่ เพราะแรกๆอาจไม่เต็มพื้นที่ ก็พอแก้ไขเสร็จก็ดูได้เลยก็คาดประกาศได้ในไตรมาส 2 ดังนั้น 2 ปีที่ผ่านมา เราก็มี Expandtion Plan และการแก้ไขข้อจำกัดทางกฎหมาย ปีนี้เราก็จะเดินหน้าเรื่องธุรกิจ แลนด์แบงก์"นายนิตินัย กล่าว
นอกจากนี้ นายนิตินัย คาดว่า ในงวดปี 61 (ต.ค.60-ก.ย.61) ปริมาณสินค้าทางอากาศ (Cargo) เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% จากงวดปี 60 เติบโต 12.8% เป็น 1.4 หมื่นล้านตัน/ปี จากปีก่อนหน้ามีปริมาณ 1.3 ล้านตัน/ปี ซึ่งทำให้บริษัทสามารถเพิ่มรายได้ที่ไม่ใช่จากธุรกิจการบิน (Non-Aero) ซึ่งบริษัทเข้ามาดำเนินการเองในปีที่แล้ว
สำหรับการเปิดประมูลหาเอกชนเข้ามาดำเนินการพื้นที่ร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) และร้านค้าปลีกในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังคาดเปิดประมูลในเดือน ก.พ.นี้ โดยคาดว่าจะได้ผลการประมูล ก.ย.61 หรืออย่างช้า ธ.ค.61 เพื่อจะให้เอกชนที่ได้รับการคัดเลือกได้มีเวลาเตรียมตัว 2 ปี โดย จะมีการตกแต่งภายในร้านค้าและจะมีเจรจาการค้ากับสินค้าแบรนด์ดังเข้ามาจำหน่าย โดยปัจจุบัน กลุ่มคิงเพาเวอร์เป็นผู้รับสัมปทานและจะสิ้นสุดในเดือน ก.ย.63
ทั้งนี้ การเปิดประมูลครั้งใหม่จะบริหารพื้นที่ทั้งหมดทั้งในส่วนพื้นที่ดิวตี้ฟรีในอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 ที่มีขนาด 1.1 หมื่นตร.ม. และพื้นที่ใหม่ อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 พื้นที่ 5 พันตร.ม. และ อาคารแซทเทิลไลท์ 3 พันตร.ม. รวมทั้งหมด 1.9 หมื่นตร.ม. ส่วนพื้นที่ร้านค้าปลีกในอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 มีขนาด 2 หมื่นตร.ม. อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 มีพื้นที่ 2 หมื่นตร.ม. และอาคารแซทเทิลไลท์ มีพื้นที่ 4 พันตร.ม. รวมทั้งหมด 4.4 หมื่นตร.ม.